นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยระหว่างการตรวจเยี่ยมภารกิจของกรมหม่อนไหม และมอบนโยบายการส่งเสริมอาชีพด้านหม่อนไหม ณ กลุ่มทอผ้าบ้านตรอกแค และกลุ่มทอผ้าบ้านเนินมวง ต.ขอนหาด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ว่า กรมหม่อนไหมมีศักยภาพสามารถพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์สู่สากลได้ เพราะลายผ้าไทยเป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่มีเอกลักษณ์ประจำชาติ เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมาแต่อดีต และน่าจะพัฒนาให้ผ้าไทยเพิ่มมูลค่าสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร จากอาชีพเสริมให้กลายเป็นอาชีพหลัก ไปพร้อมกับสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ออกแบบดีไซน์นำผ้าไทยไปสู่เวทีระดับโลก เพื่อยกระดับผ้าไหมไทยสู่สากล

“เราต้องล้างภาพลักษณ์ของผ้าไหมไทยที่มีอุปสรรค อย่างใส่แล้วแก่ ใส่แล้วร้อน ดูแลรักษายาก ด้วยการนำนวัตกรรมสมัยใหม่ มาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยเข้ากับยุคปัจจุบัน สำหรับแนวทางการทำงานในยุคนี้จึงเน้นนโยบายที่ว่า ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ของรัฐบาลมาผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ผ้าทอยกดอกเมืองนครสู่ตลาดสากล จึงขอให้ผู้ผลิตร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพร่วมกัน ให้เป็นประโยชน์ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ปัญหาและความต้องการของกลุ่มทอผ้า จะให้กระทรวงเกษตรฯ เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือ ขอยืนยันว่าในรัฐบาลชุดนี้ โดยการนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะทำทุกอย่างเพื่อประชาชน ดังนั้น การลงพื้นที่จึงไม่ใช่เพียงการติดตามงาน แต่เป็นการเข้ารับฟังปัญหาในสนามจริงจากประชาชน และจะนำทุกปัญหาที่ได้รับไปดำเนินการปรึกษาหารือเพื่อแก้ไขในโอกาสต่อไป”

...

สำหรับ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีกลุ่มเกษตรกรทอผ้ารวม 9 กลุ่ม โดยเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2537 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จทรงเยี่ยมราษฎรบ้านตรอกแค หมู่ 4 ต.ขอนหาด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้มีพระราชเสาวนีย์ให้ก่อสร้างศาลาศิลปาชีพบ้านตรอกแค เพื่อฟื้นฟูการทอผ้าแบบพระราชสำนักของ จ.นครศรีธรรมราช ในอดีต และอาชีพต่างๆ

สำหรับแนวทางในการบริหารจัดการด้านทอผ้า โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้บูรณาการติดตามการทอผ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเข้ามาแนะนำการทอผ้าไหม การเลือกใช้เส้นไหม การลอกกาว ย้อมสีเส้นไหม มีการอบรมถ่ายทอดความรู้เพื่อพัฒนาการทอผ้า.


อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่