ปรากฏให้เห็นเรื่อยๆ ก่อนหน้ามีคนพูดไว้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ มาพร้อมกับกฎระเบียบมากำหนดกรอบการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ จากฝีมือ “คนนอก” มองทุกอย่างว่า โลกสวยและจินตนาการวาดฝันรูปแบบโครงสร้างงานตำรวจคิดว่าอยากได้เป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ลืมมองว่าสิ่งที่คิดไว้ทำได้จริงหรือไม่
สุดท้ายเริ่มเกิดปัญหา
ด้วยความไม่เข้าใจ “เนื้องาน” ตำรวจแตกต่างไม่ได้เหมือนอาชีพอื่น การทำงานไม่ใช่ยึดแค่หลัก “นิติศาสตร์” ชี้ผิดถูก แต่ต้องมีหลัก “รัฐศาสตร์” หรืออื่นๆ นำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาร้อยแปดของสังคม
ที่สำคัญตำรวจที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายต้องมีวินัย คนเป็นผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นใช้อำนาจสั่งการโดยชอบด้วยกฎหมายได้ แต่งตั้งโยกย้ายได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ ตำแหน่ง พื้นที่และความถนัด
แต่ใน พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ แม้คนเป็นนายจะแต่งตั้งได้ตามกฎหมาย แต่เนื้อในระบุว่า ห้ามย้ายคนออกนอกหน่วย ถ้าไม่สมัครใจหรือมีความผิด ลองคิดดูว่า “โผนายพล” รอบนี้ หากนายพลที่ทำงานไม่เข้าตา ขับเคลื่อนหน่วยไม่ได้ดี ไม่สนองนโยบาย ผบ.ตร หรือ ผบช.จะย้ายได้หรือไม่ หากย้ายไปเข้าข่ายผิดกฎหมายได้
สุดท้ายย้ายใครไม่ได้
เป็นเพียงตัวอย่างปัญหาบริหารงานองค์กรตำรวจ ผบ.ตร.และผบช.ต้องคิดหนัก การแต่งตั้ง “โผนายพล” ชิมลางกฎหมายใหม่ทีี่คนนอกมองเหมือนว่าดี แต่ด้วยกฎเกณฑ์และระเบียบใหม่ คนทำบัญชีแต่งตั้งไม่รู้จะทำได้หรือไม่ ไม่นับ “กฎอาวุโส” ที่เปลี่ยนไป มีคนได้เปรียบเสียเปรียบ การแต่งตั้งข้ามมาในอดีตเป็นธรรมจริงหรือไม่ คนที่มีผลงาน อยู่ติดชุมชน ชาวบ้านชื่นชม จะก้าวข้าม “กฎเหล็ก” ที่ขีดเส้นไว้ได้หรือไม่
...
หากปล่อยให้ “กฎอาวุโส” เพียงอย่างเดียวจัดระเบียบตำรวจเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ต่อไปตำรวจไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องมีผลงาน ไม่ต้องลงพื้นที่รับใช้ประชาชน แค่ทำตัวสบายๆ ไม่ให้มีเรื่องไม่มีใครย้ายได้
เพราะต่อให้มีผลงานดี ผู้บังคับบัญชาเห็นความดีความชอบจะตอบแทนให้โยกย้ายขยับไปอยู่ในที่ที่ดีกว่าเดิมไม่ได้ หากคนเดิมที่อยู่ในตำแหน่งนั้นไม่มีความผิด การแต่งตั้งระดับ ผบช.และ ผบก. ติดขัดปัญหาขนาดนี้
หากลงไปทำบัญชีระดับ ผกก.-สว. ผู้ทำงานตัวจริง หัวใจหลักของตำรวจ ต้องวางตัวให้เหมาะสมกับเนื้องานและพื้นที่ บางจุดจำเป็นต้องขยับคนเข้าไปแก้ปัญหา แต่ติด “กฎเหล็ก” จะเกิดความวุ่นวายขนาดไหน
ตำรวจเปลี่ยนไปเพราะกฎหมายใหม่ที่ไม่ได้คิดสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
ถ้าระบบแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจยังคงเป็นแบบนี้ คิดคำนวณแค่เรื่องความ “อาวุโส” ของตำรวจ จะได้เห็นรูปแบบการทำงานเฉื่อยๆ เรื่อยๆไม่คิดแข่งขัน เพราะคนทำดียากจะได้ดี เพราะระบบแต่งตั้งให้คนทำดีไม่ได้
ติดอยู่ที่ “หลุมพลาง” พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ "เลขที่1 วิภาวดีฯ" เพิ่มเติม