หากลองมองย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีหลัง จะพบว่าเรากำลังอยู่ในช่วงที่สังคมโลกมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งตัวแปรสำคัญของการเติบโตนี้ก็มาจากการคิดค้น “นวัตกรรม” ใหม่ๆ ด้วยความรวดเร็วที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโฟกัสที่ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาจะพบว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 คือตัวเร่งที่ทำให้มีนวัตกรรมล้ำยุคเกิดขึ้นจำนวนมาก และยังจุดประกายให้ทุกภาคส่วนต่างคิดค้นโซลูชันที่จะช่วยทำให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้ดียิ่งขึ้น สะดวกสบายยิ่งขึ้น เพื่อเอาชนะทุกความท้าทายที่มนุษยชาติต้องเผชิญ ซึ่งรวมไปถึงการให้ความสำคัญกับเรื่อง “สุขภาพ” ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นเมกะเทรนด์ที่ทุกฝ่ายต่างให้ความสนใจ เห็นได้ชัดจากมูลค่าการตลาดของอุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าจะลดลง

สำหรับไทยเองก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่เล็งเห็นความสำคัญของการยกระดับวงการณ์แพทย์ และยังมีเป้าหมายสุดท้าทายคือการมุ่งเป็น Medical Hub ระดับภูมิภาค เหตุนี้จึงมีการจัดมหกรรมที่กล่าวได้ว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนแผนงานมาอย่างต่อเนื่องนั่นคือมหกรรมนวัตกรรมทางการแพทย์ “เมดิคอล แฟร์ ไทยแลนด์” ที่ในปี 2023 นี้ได้เดินทางสู่ครั้งที่ 10 เป็นที่เรียบร้อย พร้อมยกระดับสู่การเป็นมหกรรมด้านสุขภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยภายในงานมีผู้ร่วมนำเสนอสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆ กว่า 800 บูธ จาก 40 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะก่อให้เกิดการต่อยอดทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงสร้างความร่วมมือเพื่อผลักดันวงการแพทย์ให้เติบโตไปด้วยกันทั้งภูมิภาค

และหนึ่งในสัญญาณแห่งความร่วมมือที่น่าจับตาไม่น้อยที่เกิดขึ้นในงานครั้งนี้ก็คือการร่วมนำเสนอนวัตกรรมของ “ไต้หวัน” ที่ยกทัพผลิตภัณฑ์ระดับรางวัล “Taiwan Excellence” และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากบริษัทชั้นนำอื่นๆ รวมกว่า 40 บริษัทร่วมโชว์ศักยภาพภายในงาน ภายใต้แนวคิด “Future Telemedicine: Connecting Healthcare, Caring for the World” ซึ่งตอบรับกับเทรนด์สุขภาพยุคใหม่ที่การแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์ที่ Taiwan Excellence นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ล้วนอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ได้รับการรับรองจากหน่วยงานทางการแพทย์ และที่โดดเด่นที่สุดคือความ “อัจฉริยะ” ของอุปกรณ์ที่เกิดจากการออกแบบอย่างใส่ใจ หวังจะยกระดับวงการแพทย์อย่างแท้จริง

อีกขั้นของวงการแพทย์ การันตีคุณภาพโดย Taiwan Excellence

ดังที่เราทราบกันดีว่าไต้หวันคือหนึ่งในดินแดนที่เป็นผู้นำด้านอุปกรณ์ไอซีทีและเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้ไต้หวันที่หันมาให้ความสำคัญกับนวัตกรรมทางการแพทย์หลังเหตุแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีความรุดหน้าทางวิทยาการอย่างรวดเร็ว โดยภาครัฐเองก็มีส่วนช่วยกระตุ้นการเติบโตด้วยโครงการ “Taiwan Excellence” รางวัลที่จะมอบให้กับผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของไต้หวัน ซึ่งตราสัญลักษณ์นี้ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงในระดับโลก การันตีได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รางวัลล้วนผ่านการคัดเลือกมาอย่างเข้มข้น มีความเป็นเลิศทั้งการวิจัยพัฒนา การออกแบบ คุณภาพสินค้า การตลาด โดยทางด้านของ “สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกแห่งไต้หวัน” (TAITRA) ก็จะทำหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่นำพาความยอดเยี่ยมดังกล่าวไปสู่ประชาคมโลก ซึ่งรวมไปถึงการนำผลิตภัณฑ์มาร่วมจัดแสดงในงาน เมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์ 2023 ณ ไบเทค บางนา เมื่อวันที่ 13-15 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา โดย นางสาว เพ่ย หยู่ หลิน รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเชิงกลยุทธ์ของสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน ได้กล่าวถึงการร่วมงานในครั้งนี้ว่า

“งานครั้งนี้คือโอกาสอันดีที่เราจะได้แสดงศักยภาพอันน่าทึ่งด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ของไต้หวัน โดยไทยกับไต้หวันเราต่างเป็นพาร์ตเนอร์ที่ร่วมมือกันมาเป็นเวลานานในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเรื่องของวัฒนธรรม อุตสาหกรรม การศึกษา การท่องเที่ยว ตัวอย่างเช่นไทยคือหนึ่งในห้าประเทศที่ชาวไต้หวันเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด เช่นเดียวกับในด้านสาธารณสุขที่เราเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน”

“เราทราบว่าเป้าหมายของรัฐบาลไทยคือการทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของเอเชีย ซึ่งไต้หวันเชื่อว่าเราสามารถร่วมมือกันเพื่อให้เป้าหมายบรรลุได้ ความร่วมมือของเราด้านวิทยาการทางการแพทย์จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และในวันนี้เราก็อยากแนะนำบริษัทผู้ชนะ Taiwan Excellence ซึ่งครอบคลุมในหลายมิติ และจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งสถาบันทางการแทพย์ บุคลากร และผู้ป่วย นอกจากนี้ เรายังมีนวัตกรรมที่นำมาจัดแสดงมากกว่า 40 บริษัทที่มั่นใจได้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและออกแบบมาอย่างชาญฉลาด”

ความมุ่งมั่นของ TAITRA ดังที่ นางสาว เพ่ย หยู่ หลิน ได้เอ่ยถึงสะท้อนชัดผ่านผลลัพธ์ของการเข้าร่วมในครั้งนี้ โดยอุปกรณ์อัจฉริยะที่เปิดโอกาสให้เยี่ยมชมในบูธของ Taiwan Excellence ต่างได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์บางส่วนยังมีการเตรียมความพร้อมร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาต่อยอดและใช้งานในไทย โดยไทยรัฐออนไลน์เองก็ได้ร่วมสัมผัสกับความพิเศษของนวัตกรรมหลายๆ ชิ้นด้วยเช่นกัน

มิติใหม่กล้อง PTZ เพื่อการแพทย์โดย AVer Information Inc. มุ่งตอบโจทย์รอบด้านอย่างเหนือชั้น

ปัจจุบันกล้อง PTZ (Pan-Tilt-Zoom Camera) คือหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่ถูกใช้ในการประชุม ใช้สำหรับติดตั้งในบ้าน รวมไปถึงการใช้งานอื่นๆ อีกมากซึ่งนับวันยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นทุกขณะ อย่างไรก็ตาม เป็นทางด้านของบริษัท AVer Information Inc. ที่มองเห็นแนวทางยกระดับกล้องแบบเดิมๆ นี้ให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวงการแพทย์ทางไกลที่มีความจำเป็นต้องใช้งานกล้องคุณภาพสูง และการพัฒนาดังกล่าวก็ทำให้ กล้อง “MD330U Series” จาก AVer Information Inc. สามารถคว้ารางวัล Taiwan Excellence ระดับ Gold ในปี 2023 มาครองได้สำเร็จ

กล้อง PTZ “MD330U Series” ที่ AVer Information Inc. พัฒนาขึ้นมีจุดเด่นสำคัญคือการที่สามารถถอดหัวกล้องออกจากฐานได้ สิ่งนี้ไม่เพียงจะช่วยให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น แต่ยังส่งผลดีต่อการวินิจฉัยโรคทางไกล ซึ่งผู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์สามารถนำกล้องไปส่อง ณ จุดที่แพทย์ต้องการวินิจฉัยได้สะดวก ซึ่งเมื่อรวมกับความคมชัดระดับ 4K พลังซูม 30 เท่า การติดตั้งไมค์และลำโพงเพื่อให้สามารถสื่อสารสองทางได้เลยทันที และยังมีสีสันที่ถูกต้องเที่ยงตรง ก็จะทำให้การตรวจวัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดีต่อทั้งผู้ป่วย แพทย์ และผู้ดูแล

นอกจากนี้ AVer Information Inc. ยังเตรียมที่จะบรรจุระบบ AI เติมเพิ่ม ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยวินิจฉัยโรค และการใช้งานเพื่อมอนิเตอร์ผู้ป่วย เช่น เพิ่มความสามารถในการตรวจจับการผลัดตกเตียง ตรวจจับระดับน้ำเกลือ หรือสแกนม่านตาเพื่อตรวจสอบอาการสโตรก เป็นต้น โดยกล้องจาก Aver ได้มีการนำไปใช้งานจริงแล้วในหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะติดตั้งเป็นส่วนหนึ่งของระบบห้องผ่าตัด, ติดตั้ง ณ แท่นขุดเจาะน้ำมันสำหรับใช้ Telemedicine หรือใช้ติดตั้งในวอร์ดผู้ป่วย ICU เพื่อช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ในการมอนิเตอร์ และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ซึ่งเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีการพัฒนาอีกมากที่ AVer Information Inc. วางแผนเอาไว้

ทางด้าน แอบบี้ หวง ผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้า AVer Information Inc. ได้กล่าวว่า “Aver คือผู้นำด้านอุปกรณ์ Audio Visual ของไต้หวัน เรามีการขยายความสนใจไปสู่กล้องสำหรับ Video Conference เพื่ออุตสาหกรรมทางการแพทย์ตั้งแต่เกิดเหตุโควิด-19 เป็นต้นมา จากนั้นเราจึงมีการจัดตั้งทีม Medical ขึ้นมาโดยเฉพาะ สำหรับดิฉันเองมีประสบการณ์ 7 ปีในวงการ Digital Health และมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาร่วมนำเสนอประสบการณ์ในงานครั้งนี้”

“อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันเรากำลังประสบปัญญาเรื่องสุขภาพในระดับโลก ทั้งการเกิดขึ้นของโรคใหม่ๆ ปัญหาสังคมสูงวัย ปัญหาความเหนื่อยล้าของบุคลากรทางการแพทย์ รวมไปถึงคุณภาพของบริการทางการแพทย์ที่อ่อนแอ เหตุนี้หลายประเทศชั้นนำ อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ รวมไปถึงกลุ่มประเทศในยุโรป จึงมีการลงทุนมหาศาลเพื่อการพัฒนาโรงพยาบาลอัจฉริยะ รวมถึงการคิดค้นนวัตกรรมการรักษารูปแบบใหม่ๆ ที่ Telemedicine เข้ามามีบทบาทสำคัญ และเรามุ่งหวังว่าผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นขึ้นมาช่วยตอบโจทย์ตลาด Digital Healthcare และ Telemedicine ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง”

พลิกโฉมคอมพิวเตอร์เพื่อการแพทย์กับระบบออลอินวันสุดทรงพลังจาก Wincomm Corporation

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวินาทีในห้องผ่าตัดล้วนสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับความเป็นความตายของผู้ป่วย ดังนั้นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าบุคลากรที่มีฝีมือก็คืออุปกรณ์ที่พร้อมจะช่วยสนับสนุนให้การทำงานลื่นไหลไร้รอยสะดุด

เหตุนี้บริษัท Wincomm Corporation หนึ่งในผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทางการแพทย์และอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศไต้หวันจึงไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น และทำให้แพทย์ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยล่าสุดได้มีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ทางการแพทย์สุดล้ำ “Powerful Medical AI Panel PC WMP-24K” และนำมาร่วมจัดแสดงในงานครั้งนี้ โดยมีจุดเด่นคือเป็นคอมพิวเตอร์ระบบออลอินวันที่ทรงพลังและยังออกแบบมาอย่างพิถีพิถันให้เหมาะกับการทำงานของแพทย์โดยเฉพาะ โดยอุปกรณ์จะมีลักษณะเป็นจอทัชพาแนลขนาด 24 นิ้ว ความละเอียดชัดเจนเต็มตา มาพร้อมโปรแกรมการทำงานสำหรับการแพทย์ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Intel® Core i5/i7 เจเนอเรชัน 9 และ กราฟิกการ์ด RTX-2060 ซึ่งรองรับโมดูลปัญญาประดิษฐ์ Open VINO Intel® Movidius™ จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วทันใจ ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและตัดสินใจรักษาได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ วัสดุทุกชิ้นที่นำมาผลิตล้วนเป็น Medical Grade และยังได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการให้สามารถใช้งานในการแพทย์ได้อย่างสมบูรณ์

ไม่เพียงเท่านั้น Wincomm Corporation ยังมีความภูมิใจอย่างยิ่งที่สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ออกมากระทัดรัดรองรับการทำงานไร้สาย และสามารถคิดค้นวิธีการจัดสรรการใช้งานพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ “Powerful Medical AI Panel PC WMP-24K” พร้อมเป็นผู้ช่วยที่วางใจได้ในช่วงเวลาสำคัญ

วัดข้อมูลสุขภาพครบวงจรด้วยโซลูชันสุดสะดวก โดย Inventec Appliances Corp.

อีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจไม่น้อยในงานนี้คือผลงานจาก Inventec Appliances Corp. ที่นำเสนอเซตอุปกรณ์วัดข้อมูลทางสรีรวิทยามัลติฟังก์ชั่น Chiline 5 ชนิด ได้แก่ เครื่องวัดความดันโลหิต, ระบบตรวจสอบกลูโคส/โคเลสเตอรอลทั้งหมด/กรดยูริก, เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, เครื่องวัดระดับออกซิเจน พร้อมระบบติดตามการหายใจ และเทอร์โมมิเตอร์อัจฉริยะ ซึ่งทั้ง 5 ชิ้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย เพียงเปิดกล่องก็ตรวจวัดได้ทันที โดยอุปกรณ์ทุกชิ้นจะสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มดิจิทัลได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ ทำให้ง่ายต่อการบันทึกข้อมูล วินิจฉัยอาการ และยังเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลได้อย่างสะดวก

ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้เซตอุปกรณ์ Chiline ทั้ง 5 ชิ้นโดดเด่น คือขนาดที่กะทัดรัด พกพาได้ง่าย จึงเอื้อต่อการนำไปใช้งานหลายรูปแบบ อาทิ ในไทยมีการนำไปใช้กับ อสม. ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในพื้นที่ห่างไกลหลายๆ แห่ง อีกทั้งความเข้าใจง่ายของวิธีการใช้และตัวแพลตฟอร์มยังทำให้ผู้สูงอายุใช้งานได้สะดวก ช่วยลดปัญหาการหลงลืมและละเลยที่จะตรวจวัดข้อมูลบางอย่างที่จำเป็นต้องตรวจและบันทึกทุกวัน

เรียกได้ว่า Chiline เป็นโซลูชันครบวงจรที่สามารถตอบสนองความต้องการของแพทย์ทางไกลและบุคคลที่ใส่ใจสุขภาพส่วนบุคคลและครอบครัว

ไม่เพียง 3 นวัตกรรมจาก 3 บริษัทชั้นนำข้างต้นเท่านั้น ภายในงานยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ตอบโจทย์ทั้ง Telemedicine และ Smart Medical อีกหลายชนิด ซึ่งล้วนมีส่วนช่วยให้วงการแพทย์ยุคใหม่มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ อุปกรณ์เอกซเรย์มือถือที่จะให้การเอกซเรย์เป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย, นวัตกรรม Optima Turn พื้นผิวที่ช่วยลดแรงกดทับสำหรับผู้ป่วยติดเตียง, โซลูชันหุ่นยนต์สำหรับการแพทย์และการผ่าตัดสุดล้ำ เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความยอดเยี่ยมจาก Taiwan Excellence ที่มุ่งมั่นให้การสนับสนุนพร้อมทั้งเฟ้นหาผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศเพื่อนำเสนอแก่เวทีระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับทางด้านสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกแห่งไต้หวัน ที่เดินหน้าผลักดันให้การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จทั้งเสียงตอบรับและความร่วมมือที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

“เป้าหมายของ TAITRA คือการนำบริษัทไต้หวันมาแสดงศักยภาพให้ทั่วโลกได้สัมผัส เพื่อให้ Taiwan Excellence เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น อย่างงานในไทยครั้งนี้คือระดับโลก เราจึงอยากให้ผู้มาเยือนได้เห็นถึงคุณภาพระดับโลกของเรา เพื่อต่อยอดสู่การมองหาความเป็นไปได้ในการร่วมมือ โดยเราเองมีความพร้อมจะเป็นพาร์ตเนอร์ที่เชื่อถือได้ด้านเทคโนโลยีการแพทย์ เรามีเป้าหมายที่จะเข้ามาลงทุนและพัฒนาในไทยให้มากขึ้น โดยรัฐบาลไต้หวันเองก็ให้ความสนับสนุนในด้านนี้” นางสาวเพ่ย หยู่ หลิน กล่าวสรุป