ปี 2566 นี้ถือเป็นห้วงเวลาครบรอบ 67 ปี ที่กลุ่มธุรกิจสัญชาติเนเธอร์แลนด์ยักษ์ใหญ่ “ฟรีสแลนด์คัมพิน่า” หรือนมโฟร์โมสต์ เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ใช้เป็นฐานกระจายสินค้าในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะต้องดำเนินโครงการตอบแทนสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อต้นเดือน ก.ย.นี้ ก็เป็นอีกครั้งที่ประกาศสานต่อกิจกรรมบริจาคนมกล่องจำนวน 1 ล้านกล่อง ผ่านการร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดล และมูลนิธิกระจกเงา
โดยเป็นนมกล่องที่ปรับสูตรด้านสารอาหารให้สอดคล้องกับผลสำรวจเด็กไทย SEANUTS II ของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งทาง รศ.ดร.นิภา โรจน์รุ่งวศินกุล ที่ปรึกษาสถาบันโภชนาการ ม.มหิดล เปิดเผยว่า เป็นงานวิจัยสุ่มตรวจสอบเด็กไทยในพื้นที่ต่างจังหวัด และเด็กในชาติเพื่อนบ้านอาเซียน พบว่ากว่า 70% ของเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 12 ปี ยังได้รับแคลเซียมไม่ถึงเกณฑ์ที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน ไปจนถึงขาดวิตามิน C และ D รวมทั้งสังกะสี Zinc
ขณะที่นายไคซ์ เตอนิสเซ่น อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร สถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ให้ความเห็นว่านมแม่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเด็ก ดังนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญใส่ใจกับนมอื่นๆที่เด็กบริโภคเข้าไป ซึ่งก็เป็นทิศทางที่สหภาพยุโรปกำลังมุ่งไป สร้างความรับผิดชอบในทุกขั้นตอนห่วงโซ่การผลิต และพยายามทำให้ระบบอาหารมีความยั่งยืน เชื่อว่าทางบริษัทจะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพเด็กไทย
สำหรับโครงการบริจาคนมครั้งนี้ ที่จัดทำเป็นปีที่ 3 ซึ่งทาง น.ส.วีราภรณ์ ประสพรัตนสุข หัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กรและระดมทุน มูลนิธิกระจกเงา ที่รับผิดชอบการกระจายนมบริจาคไปถึงมือเด็กๆ ระบุว่าช่วงหลังเดือน ก.ย.นี้ นมทุกลังจะถูกส่งไปยังชุมชนต่างๆทั่วประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นชุมชนกลุ่มเปราะบาง หรือได้รับปัญหาทางเศรษฐกิจและขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิ อาทิใน 3 จังหวัดภาคใต้ หรือภาคเหนือ นอกจากนี้ กล่องนมยังสามารถรีไซเคิลเยื่อกระดาษเอาไปผสมกับซีเมนต์ทำเป็นไม้ เอาไปบริจาคให้ผู้ยากไร้ได้อีกต่อหนึ่ง
...
แน่นอนว่าตัวเลข 1 ล้านกล่อง ถือว่ายังไม่ครอบคลุม แต่ก็ถือเป็นการอุดช่องว่างให้กับสังคม การขจัดความหิวโหยถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องได้รับ และจะประสบความสำเร็จได้ต้องมาจากการแบ่งปัน.
ตุ๊ ปากเกร็ด
คลิกอ่านคอลัมน์ "หน้าต่างโลก" เพิ่มเติม