ภารกิจถอนคันเร่งไม่ฝืนทิ้งทวนอำนาจเก้าอี้ผู้นำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. นั่งหัวโต๊ะระดมความคิดเห็นจนในที่ประชุมลงมติเลื่อนวาระการแต่งตั้ง “เจ้าสำนักปทุมวัน” ออกไปก่อน เช่นเดียวกับการพิจารณาบัญชีระดับนายพลที่ต้อง “ล้มกระดาน” เทครัวสำรับกองทัพ

ขยายเวลาการประชุมไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2566

อ้างเพื่อความเหมาะสมตามหลัก “ธรรมาภิบาล” ให้นายกรัฐมนตรีที่ได้รับการโปรดเกล้าฯอย่าง นายเศรษฐา ทวีสิน เมื่อถวายสัตย์ปฏิญาณเริ่มปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกเสนอชื่อ ผบ.ตร.แทน

ทั้งนี้ เมื่อได้ แม่ทัพสีกากี แล้วยังจะได้สิทธิร่วมพิจารณาในการจัดทำบัญชีแต่งตั้งระดับนายพลเป็นขุมกำลังของตัวเองด้วย

ท่ามกลางกระแสข่าว “เปลี่ยนโผ” เล่นเกม ชกใต้เข็มขัด สกัดกั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เต็งจ๋า หันมาชู พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ขึ้นนั่ง พิทักษ์ 1 แทน พร้อม “รื้อบัญชี” ที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรองไปก่อนหน้าไปชำระสะสางใหม่ตาม “ขั้วอำนาจ” ที่เปลี่ยนทิศทางการเมือง

เรื่องนี้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ “ชิงออกตัว” ไม่เคยขอโควตาสรรหานายพล เพื่อจะแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ไม่ตกอยู่ในอาณัติผู้ใด อย่างตามที่ได้ให้สัญญากับตำรวจทุกคน

ยืนยันไม่ได้รับคำสั่งจากใครทั้งสิ้น ไม่ว่ารัฐบาลใหม่ หรือใครก็ตาม

ขอโทษเด็ก ผบ.ตร.และนักการเมืองที่อาจจะผิดหวังกับการเลื่อนการแต่งตั้ง ขอเป็นกำลังใจในปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์
สันติราษฎร์สมเป็น “สุภาพบุรุษสามพราน” ที่สง่างาม เจริญ เติบโตด้วยความรู้ ความสามารถ

มิใช่อาศัย “อำนาจบารมี” ผู้บังคับบัญชาเหยียบย่ำพี่ๆน้องๆให้ตัวเองเจริญก้าวหน้า พร้อมกับ “คำสาปแช่ง” ด้วยความเจ็บปวดที่ถูกข้ามหัวไป

...

กรุณาได้โปรดมองเหรียญอีกด้านด้วยจิตใจที่เป็นธรรมด้วยครับ.

สหบาท