นายชายศักดิ์ วุฒิศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 นครสวรรค์ (สศท.12) เผยถึงความสำเร็จของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฅนพิจิตรอินทรีย์ ต.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร กลุ่มวิสาหกิจต้นแบบในการผลิตข้าวอินทรีย์ตามมาตรฐานสากล ที่ได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล ได้แก่ มาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์สหรัฐอเมริกา (USDA Organic), มาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์สหภาพยุโรป (EU) และมาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์แคนาดา (Canada Organic Regime-COR) ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าในตลาดและสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค
“กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฅนพิจิตรอินทรีย์ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 ปัจจุบันมีสมาชิก 16 ราย มี นายสิทธา สุขกันท์ ซึ่งเป็น young smart farmer เป็นประธานกลุ่มและประธานคลัสเตอร์ข้าวฅนอินทรีย์ของศูนย์ มีเนื้อที่เพาะปลูกรวม 300 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ได้รับรองมาตรฐานแล้วประมาณ 200 ไร่ และอีก 100 ไร่ อยู่ระหว่างดำเนินการควบคุมตรวจสอบแปลงให้เป็นไปตามมาตรฐาน พื้นที่ปลูกที่ผ่านมาตรฐานเกษตรกรจะทำการเพาะปลูกข้าวอินทรีย์ปีละ 2 ครั้ง พันธุ์ที่นิยมปลูก คือ พันธุ์ชัยนาท 1 เนื่องจากมีปริมาณแป้งสูงเหมาะสำหรับการทำผลิตภัณฑ์แปรรูปแบบเส้น”
...
ผอ.สศท. 12 ให้ข้อมูลปีเพาะปลูก 2565/66 เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 4,747 บาท/ไร่/รอบ รอบแรกเพาะปลูกมิถุนายน เก็บเกี่ยวกันยายน และรอบที่สองเพาะปลูกพฤศจิกายน เก็บเกี่ยวกุมภาพันธ์ ได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 626 กก. เกษตรกรได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยไร่ละ 8,138 บาท ได้กำไรเฉลี่ยไร่ละ 3,391 บาท คิดเป็นผลตอบแทนของกลุ่มเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 3,255,200 บาท
สำหรับด้านตลาด กลุ่มวิสาหกิจฯได้มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (MOU) กับบริษัท ลินมาร์ค จำกัด ที่มีสำนักงานในประเทศไทย รับซื้อในราคาตันละ 13,000 บาท หรือ กก.ละ 13 บาท โดยกลุ่มวิสาหกิจฯจะส่งผลผลิตข้าวเปลือกทั้งหมดให้กับบริษัท เพื่อนำไปผลิตเป็นเส้นพาสตา เส้นราเมง และเส้นก๋วยเตี๋ยว ส่งออกไปสหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรป ซึ่งทางบริษัทได้ชำระเงินร้อยละ 50 ของรายได้ที่กลุ่มจะได้รับในสัญญา ณ วันทำสัญญา เป็นการจ่ายล่วงหน้าเพื่อให้กลุ่มนำไปเป็นทุนในการเพาะปลูกต่อไป
นอกจากนี้ในด้านการบริหารจัดการกลุ่มเพื่อความยั่งยืน ทางกลุ่มได้วางเป้าหมายในการขยายพื้นที่ปลูกให้สามารถผลิตข้าวอินทรีย์เพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทที่มีความต้องการปีละ 2,500 ตัน แต่ทางกลุ่มยังผลิตข้าวอินทรีย์ที่ได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากลแค่เพียง 250 ตันเท่านั้น.
คลิกอ่าน "ข่าวเกษตร" เพิ่มเติม