"สมศักดิ์" ต่อสายตรงหา "อธิบดีดีเอสไอ-อธิบดีปศุสัตว์" ขอเร่งปราบปรามเนื้อสุกรเถื่อนจากต่างประเทศ พร้อมเร่งฝังกลบทำลายให้จบภายในสัปดาห์นี้ หลังสังคมไม่สบายใจ หวั่นถูกนำกลับมาเวียนขายในตลาด ด้าน "วิสุทธิ์" จี้ รบ.รักษาการหาตัวการผู้อยู่เบื้องหลัง พร้อมหาแนวทางช่วยเกษตรกร หลังพบปัญหาผู้ประกอบการขาดทุน เพราะการปล่อยให้ลักลอบสำแดงเท็จเนื้อสุกร
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 66 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานยุทธศาสตร์การเกษตรพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องด่วนร้องเรื่องมา เรื่องปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรด้วยวิธีการสำแดงเท็จ ซึ่งเรื่องนี้พรรคเพื่อไทย ได้ติดตามมาตลอด ตั้งแต่ก่อนยุบสภาในชั้นกรรมาธิการ และมีการต่อว่าขั้นตอนการทำงานของหน่วยงานรัฐที่ปล่อยปละละเลย จนส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรต้องประสบปัญหาราคาตกต่ำ เพราะการลักลอบนำเข้าจนทำให้ผู้ค้าบางรายต้องขาดทุนจนหมดเนื้อหมดตัว ตนขอประกาศไว้ตรงนี้ พรรคเพื่อไทยจะติดตามผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำลายกลไกทางการตลาด ซึ่งขบวนการเหล่านี้ ทำให้กลไกทางการตลาดของประเทศไทยนั้น สูญเสียรายได้ไปหลายพันล้านบาท นอกจากนี้ตนยังอยากจะฝากไปยังรัฐบาลรักษาการ ให้มีแนวทางการทำงานที่เข้มงวดมากกว่านี้ เพราะคนที่ได้รับผลกระทบ คือ เกษตรกร
...
ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.ยุติธรรม ได้ต่อสายด่วนกลางดึก เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงไปยัง พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ซึ่งได้คำตอบกลับมาว่า การเผาทำลายนั้นเป็นหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ ที่ต้องเตรียมสถานที่ในการฝังกลบ และอีกประเด็นที่สำคัญ คือ การฝังกลบนั้น ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฝังกลบ คือ ผู้ลักลอบนำเข้า ซึ่งเวลานี้จากการอายัดของดีเอสไอ คือ 161 ตู้ ผู้ประกอบการยินยอมจ่ายค่าฝังกลบ 78 ตู้ อีก 83 ตู้ยังมีการต่อสู้ทางคดี จึงยังไม่สามารถนำไปทำลายได้ ดังนั้นดีเอสไอจะเซ็นหนังสือเพื่อส่งมอบ 78 ตู้ ให้กรมศุลกากรส่งต่อให้กรมปศุสัตว์ฝังกลบให้ไวที่สุด ดังนั้นตนได้กำชับว่าเรื่องนี้ต้องจบภายในสัปดาห์นี้ และทำให้เกษตรกรนั้นสบายใจที่สุด และวางใจได้ว่าหมูเหล่านี้จะไม่ถูกนำมาเวียนขายในตลาดอีก
"หากพบว่ามีการนำกลับมาขายหรือเนื้อสุกรที่อายัดไว้หายไป ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนในประเด็นกระแสข่าวพบเนื้อสุกรอีก 400 ตู้ ตามที่สื่อนำเสนอก็ขอให้ดีเอสไอชี้แจงเพิ่มเติมว่าจริงหรือไม่" นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนยังได้พูดคุยกับ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ว่ามีแนวทางอย่างไรในการทำลายฝังกลบชิ้นส่วนสุกรนำเข้า ซึ่งได้รับแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีการขุดหลุม เพื่อทำลายเนื้อสุกรไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์จังหวัดสระแก้ว โดยหลุมมีขนาดกว้าง 9 เมตร สูง 3 เมตร ยาว 150 เมตร เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมการฝังกลบ เวลานี้รอเพียงการส่งมอบเท่านั้น ส่วนการลำเลียงไปฝังกลบ จะมีรถของกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และดีเอสไอประกบหัวท้าย เพื่อความสบายใจว่าจะไม่มีเนื้อสุกรหายระหว่างทาง โดยจะใช้เวลาในการฝังกลบ 2 วัน ก็จะเสร็จสิ้น
"ผมได้กำชับไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์ เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า การลักลอบนำเนื้อสุกรเข้าประเทศเป็นความเดือดร้อนของเกษตรกรอย่างมาก กลไกราคาสุกรพังพินาศ คนเลี้ยงก็ตาย คนขายก็ขาดทุน ดังนั้นต้องช่วยกันทำให้เกษตรกรหมดปัญหาเหล่านี้ การฝังกลบต้องทำให้สังคมเกษตรกรสบายใจว่า สุกรเหล่านี้จะไม่กลับมาเวียนขายในตลาดอีก" นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาของเนื้อสุกรราคาตกต่ำในเวลานี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกไม่ดี การสั่งซื้อจากต่างประเทศจึงลดลง ดังนั้นเมื่อมีรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะผลักดันและบูรณาการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร ต้องกวดขันป้องกัน หาแนวทางการสำแดงเท็จ เพื่อไม่ให้ลักลอบนำสุกรเข้าสู่ประเทศไทยได้ กรมปศุสัตว์ ต้องหมั่นตรวจตรา ตรวจสอบ พัฒนา ไม่ให้พ่อค้าคนกลางกดราคาผู้ค้าสุกรได้ รวมถึง หาตลาด การส่งออกเนื้อสุกรให้แก่เกษตรกรมากขึ้น กระทรวงพาณิชย์ จะต้องคอยตรวจสอบห้องเย็น รวมถึงหาแนวทางทำให้ราคาอาหารสัตว์นั้น มีราคาถูกลงกว่าปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้หากหน่วยงานข้างต้นร่วมแรงร่วมใจ เกษตรกรจะเดินต่อไปได้
...
"ผมเชื่อว่าเมื่อมีรัฐบาล เรื่องการปราบปรามหมูเถื่อนจะเป็นเรื่องสำคัญ เพราะที่ผ่านมาสร้างความสูญเสียให้กับประเทศเป็นระดับพันล้าน ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง เพื่อไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น และที่สำคัญรัฐบาลใหม่ต้องทำให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะเรื่องเกษตรกรรมถือเป็นนโยบายของทุกพรรคในการหาเสียง และพรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า จะไม่ทอดทิ้งเกษตรกร" นายสมศักดิ์ กล่าว