การทำธุรกิจในยุคนี้นับว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกอย่างเกิดขึ้นได้ และเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยมีปัจจัยทั้งจากพฤติกรรมผู้บริโภค กลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลาย การเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัล ความผันผวนของเศรษฐกิจ หรือแม้แต่กระทั่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เป็นบริบทท้าทายความเป็นผู้นำสำหรับผู้บริหารในยุคนี้
อีกสิ่งที่ยากและเป็นความท้าทายเช่นกันก็คือการบริหารองค์กรที่มีอายุยืนยาวให้ดูทันสมัย เท่าทันกระแสโลก ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างองค์กรที่ก้าวผ่านความท้าทายนี้มาได้อย่างสง่างามก็คือ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือที่รู้จักกันในนาม “ไปรษณีย์ไทย” ผู้ให้บริการสื่อสารและขนส่งของไทย ที่ในวันนี้มีอายุถึง 140 ปี และอีกสิ่งที่มีความโดดเด่นและไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือผู้อยู่เบื้องหลังอย่าง
ซีอีโอคนปัจจุบันที่รู้จักกันดี “พี่บิ๊ก ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด” กับการทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่เทคโนโลยีขับเคลื่อนสังคมไทย
- 140 ปี ที่เป็นเพื่อนแท้ร่วมทางเคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์
เชื่อว่าทุกๆ องค์กรที่อยู่มาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี ต้องมีการปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับไปรษณีย์ไทยที่ได้ปรับตัวตามพฤติกรรมของคนในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยยึดหลักการดำเนินงาน 140 ปี ที่พร้อมเป็นเพื่อนแท้ร่วมทางให้คนไทย อาทิ ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ไปรษณีย์ไทยทำหน้าที่ในการขนส่งสิ่งของและเวชภัณฑ์ยาไปยังพื้นที่ต่างๆ หรือแม้แต่ช่วงวิกฤตการณ์น้ำท่วม ไปรษณีย์ไทยได้ดำเนินการส่งถุงยังชีพและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปยังพื้นที่ประสบภัยและยาก ต่อการเข้าถึง นอกจากนี้ ช่วงที่เกษตรกรไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ไปรษณีย์ไทยได้ทำหน้าที่ในการขนส่งเร่งระบายสินค้าอย่างรวดเร็ว เพื่อลดความเสียหายและการเน่าเสียของผลผลิต จนไม่สามารถจำหน่ายได้
- จุดแข็งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป พื้นที่ไหนๆ ก็มีพี่ไปรฯ ไม่มีเปลี่ยนแปลง
ปัจจุบันธุรกิจการแข่งขันด้านโลจิสติกส์มีการเติบโตอย่างมาก เป็นยุคที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา ทำให้อีคอมเมิร์ซกับโลจิสติกส์เติบโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งไปรษณีย์ไทยมีจุดแข็งคือการขนส่ง ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่อย่างครอบคลุมด้วยการทำงานของพี่ไปรฯ แต่ทั้งนี้ความต้องการของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ไม่ใช่เพียงต้องการขายและส่งสินค้าเท่านั้น แต่ลูกค้ายังต้องได้รับบริการที่ประทับใจและได้รับสินค้าเร็ว เนื่องจากการแข่งขันในตลาดสินค้าออนไลน์ที่สูง ใครๆ ก็มาขายของออนไลน์กัน พ่อค้าแม่ค้าจึงต้องใช้วิธีการดึงดูดลูกค้าด้วยการบริการที่พิเศษมากขึ้น อย่างเช่น การส่งของถึงเร็ว
มีบริการเก็บเงินปลายทาง บริการส่งออกต่างประเทศ ซึ่งบริการต่างๆ เหล่านี้ของไปรษณีย์ไทยได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยวัตถุประสงค์ว่า จะทำอย่างไรให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถมีเวลาในการขายของและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น โดยส่วนที่เหลือไปรษณีย์ไทยจะดำเนินการให้ และด้วยจุดแข็งในการรู้จักทุกคน รู้จักทุกบ้าน เข้าถึงทุกพื้นที่ ไปรษณีย์ไทยจึงแตกไลน์การทำธุรกิจโดยใช้ความเข้มแข็งของโครงข่ายไปรษณีย์ไทย อาทิ ธุรกิจรีเทลที่รวบรวมสินค้าตัวท็อปของชุมชนและจังหวัดต่างๆ มาขายผ่านช่องทางของไปรษณีย์ไทย ทั้งช่องทางออนไลน์ผ่าน Thailandpostmart.com ให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว และช่องทางออฟไลน์ผ่านที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง พร้อมใช้ความเชี่ยวชาญด้านเส้นทางของพี่ไปรฯ นำสินค้าไปส่งต่อให้ถึงมือพี่น้องประชาชนถึงหน้าประตูบ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการนำจุดแข็งของไปรษณีย์ไทยมาพัฒนาและปรับใช้เพื่อเชื่อมโยงกับความต้องการของประชาชน
- หลากกลยุทธ์นำองค์กรให้ยืนยง
ไปรษณีย์ไทยไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชุมชน เข้าใจวิถีชีวิตความเป็นอยู่เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเท่านั้น แต่เรายังปรับตัวด้วยการนำเอาความสามารถและประสบการณ์ของเครือข่ายบุรุษไปรษณีย์ (Postman Power) ที่เป็นจุดแข็งมาใช้เป็นจุดขาย ต่อยอดเป็น The Network of Sustainable Growth สร้างบริการและรายได้ใหม่ที่ยั่งยืนแก่องค์กรต่อไป
นอกจากนี้ ยังพัฒนาบริการพร้อมปรับกระบวนการดำเนินงานให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน ตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่บนดิจิทัลแพลตฟอร์ม ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาด้านการบริการ เช่น บริการ Prompt Post ที่สามารถรับจดหมายแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ อะไรที่เคยเป็นเอกสารจะถูกทรานส์ฟอร์มให้เป็นดิจิทัลทั้งหมด ดิจิทัลโพสต์ไอดี อีกมิติของการส่งของที่จะพลิกโฉมความปลอดภัย ความรวดเร็ว และส่งต่อประโยชน์ให้กับภาคส่วนต่างๆ ได้แบบครบทุกมิติ มีบริการที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของตนเองได้แบบครบครัน เสมือนเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อเฉพาะบุคคล ส่วนการบริหารงานองค์กรตอนนี้ได้เน้นย้ำสิ่งสำคัญคือ การสื่อสารต้องมีประสิทธิภาพ ช่องทางการสื่อสารต้องมีความหลากหลาย เหมาะสมกับผู้ใช้บริการในแต่ละยุคแต่ละช่วงวัย เช่นเดียวกันกับการทำความเข้าใจกับบุคลากรทั้งหมดกว่า 38,000 คน ที่มีความหลายหลายทางช่วงวัย ก็ต้องเลือกใช้เครื่องมือและวิธีที่เหมาะสมด้วยเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจและบรรลุเป้าหมายไปด้วยกันคือ แม้จะอยู่มานานแต่ต้องมีความกระฉับกระเฉง มุ่งมั่นที่จะช่วยเปิดและนำเส้นทางใหม่ๆ มาสู่คนไทย พร้อมสร้างสัมพันธภาพที่ดีอยู่เสมอ
“ความท้าทายขององค์กรที่อยู่มายาวนานคือการปรับตัวและพร้อมเดินหน้าไปกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง และเชื่อว่า 140 ปี ไปรษณีย์ไทยคืออีกบทพิสูจน์ที่จะทำให้เราทุกคนเห็นว่า ผู้ที่อยู่รอดและยังคงความเป็นผู้นำในตลาดคือผู้ที่ไม่หยุดนิ่ง พร้อมปรับตัว และเดินหน้าพัฒนาอย่างแท้จริง”
###