“บิ๊กโจ๊ก” เดินหน้าเอาผิดแก๊งตำรวจรีดทรัพย์ 140 ล้าน จ่อออก หมายจับเพิ่มสัปดาห์หน้า โต้ไม่รู้จัก “เสี่ยเป้” เจ้าของเว็บพนัน ที่ถูกรีดเงิน หลังมีข่าวจ่ายให้นายตำรวจใหญ่ชื่อย่อ “จ” เดือนละ 1 ล้าน ด้าน 3 นายตำรวจเมืองชลที่ตกเป็นผู้ต้องหาร้องอัยการ อ้างถูกสอบสวนไม่เป็นธรรม หลังไม่มีการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ยันปฏิบัติหน้าที่ตามนายสั่งและขั้นตอนกฎหมาย ปฏิเสธไม่มีส่วนเรียกรับผลประโยชน์

ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีแก๊งตำรวจรีดเงินเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท เดินหน้าหาหลักฐานดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีต ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พร้อมลูกน้องตำรวจชุดจับกุมนับ 10 นายที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาไปแล้ว เหลือผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนที่เป็นหน้าเสื่อเคลียร์เงินอีก 3 คน คือนายพิสิษฐ์ หรือต้น คณิศรพาณี นายวีระ หรือบอย นาทรัพย์ และเมียนายบอยยังหลบหนี ตำรวจอยู่ระหว่างแกะรอยเส้นทางการเงินที่มีการนัดจ่ายตามจุดต่างๆก่อนเรียกพยานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบสวนขยายผล

ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 22 มิ.ย.ที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารตลิ่งชัน พ.ต.ท.เสถียร รัชพงษ์ไทย รอง ผกก.สส.สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี พ.ต.ท.นครราช นนสีลาด สว.(สอบสวน) สภ.หนองขาม และ ร.ต.อ.สมบุญ บุดดาเลิศ รอง สว.สส.สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี ตำรวจชุดจับกุมเว็บพนัน และผู้ต้องหาในคดีหน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกเอาทรัพย์สินฯ 140 ล้านบาท เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมอัยการตรวจสอบการดำเนินคดีจับเว็บพนันให้เข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย เพื่อให้อัยการเข้าร่วมการสอบสวนตามมาตรา 31 มีนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักการสอบสวน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีฯ และนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทรยงค์ รองโฆษก อสส. ร่วมรับเรื่องใช้เวลา 3 ชม.

...

นายโกศลวัฒน์เผยว่า คดีนี้ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมาน สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นว่าเรื่องนี้เป็นคดีสำคัญ ควรแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ได้เสนอให้อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนทราบ และมีคำสั่งให้ดำเนินการแสวงหาพยานหลักฐานประกอบการพิจารณา และรายงานอัยการสูงสุดเป็นคดีสำคัญ ส่วนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ยื่นไว้วันนี้ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายโดยเร่งด่วน

ด้านนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการฯ เปิดเผยถึงข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย มาตรา 7 ประกอบมาตรา 31 วรรคแรกว่า เมื่อตำรวจจับกุมผู้ต้องหาแล้ว ต้องแจ้งการควบคุมตัวไปยังพนักงานอัยการในท้องที่จับกุมทันที เพื่อให้อัยการเข้ามาตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่จับกุมโดยทรมาน โหดร้าย หรือมีเจตนาทำให้บุคคลสูญหายหรือไม่ เมื่อถามว่าการปฏิบัติหน้าที่วันนั้นปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ ร.ต.อ.สมบุญ

ที่ร่วมแถลงด้วยยืนยันว่า ดำเนินการตามหน้าที่ มีหมายค้นและหมายจับถูกต้อง และนำส่งผู้ต้องหาตามกระบวนการ ยอมรับว่าการปฏิบัติการอาจมีส่วนบกพร่องบ้าง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ พร้อมบอกว่า ส่วนตัวรู้สึกน้อยใจที่ทำตามหน้าที่ แต่กลับมาถูกดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันตรวจค้นทั้ง 3 คนทำหน้าที่อะไรบ้าง พ.ต.ท.เสถียรตอบว่า เป็นรายละเอียดในคดี ไม่สามารถเปิดเผยได้เป็นเรื่องของกระบวนการสอบสวน แต่ยืนยันว่าทั้ง 3 คนไม่มีส่วนร่วมในการเรียกรับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น การปฏิบัติงานทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา มีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ทั้งเอกสารต่างๆ วันนี้มาร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เนื่องจากมีการแจ้งข้อกล่าวหากับพวกตน 4 ข้อหา เช่นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่ไม่มีข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย หลังเกิดเรื่องยังไม่ได้พบผู้การชลบุรี ส่วนกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจเกินครึ่งรับสารภาพในคดีนี้แล้ว นายตำรวจทั้ง 3 คน ระบุว่า ไม่ทราบว่าใครสารภาพ แต่ส่วนของพวกตน 3 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีกลุ่มนายตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีรีดทรัพย์ 140 ล้านบาท ไปยื่นร้องต่ออธิบดีอัยการสืบสวนสอบสวนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นการสืบสวนสอบสวนโดยมิชอบและไม่มีข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย เรื่องดังกล่าวมองว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดของกลุ่มตำรวจที่เป็นการตีความข้อกฎหมายไปอีกแนวทางหนึ่ง เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาไม่เห็นสำนวนทั้งหมด อีกทั้งชุดสอบสวนยังได้แจ้งข้อหาปล้นทรัพย์อีก 1 ข้อหา ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทำตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง ได้แจ้งความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมาตรา 149 เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ไปแล้ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า ส่วนการจะแจ้งข้อหา พ.ร.บ.อุ้มหาย จากนี้จะต้องหารือร่วมกับอัยการ เพราะยังมีบางส่วนของข้อกฎหมายที่อาจจะไม่เข้าข่ายการกระทำความผิด ที่ผ่านมาชุดทำงานได้ทำคดีบ้านเด็กที่ จ.สระบุรี เข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายเป็นคดีแรก ส่วนคดีตำรวจตบทรัพย์ 140 ล้านบาท จะรับทำเป็นคดีที่ 2 ในประเทศ หากครบองค์ประกอบในการกระทำความผิดจะต้องหารือกับอธิบดีอัยการอีกครั้งหนึ่ง มองว่าการที่มี พ.ร.บ.อุ้มหาย ออกมา ตำรวจยังต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะเป็นกฎหมายใหม่ การที่กลุ่มนายตำรวจจะไปร้องอธิบดีอัยการก็สามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิ์ในการต่อสู้คดี

“เบื้องต้นคดีตบทรัพย์ 140 ล้าน ยังไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย ยังไม่แจ้งความกับตำรวจชุดดังกล่าว และในสัปดาห์หน้าตำรวจจะออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ส่วนนายบอยที่ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี ตำรวจจะเร่งนำตัวมาดำเนินคดี ถึงแม้จะประสานเข้ามามอบตัวแต่ต้องไม่มีเงื่อนไข ส่วนอดีต ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ขณะนี้ยังไม่ส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรจะครบกำหนดในวันจันทร์หน้า” รอง ผบ.ตร.กล่าวและว่าส่วนที่มีข่าวว่าเว็บพนันของนายเป้ หรือนายธนินวัฒน์ อุดมเชาวเศรษฐ์ จ่ายเงินให้นายตำรวจอักษรย่อ จ.จาน เดือนละ 1 ล้านบาท ส่วนตัวไม่เคยรู้จักนายเป้ และปฏิญาณตน สาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่าใครทำชั่วก็จะจับให้หมด อีกทั้งตนเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์และปราบปรามผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันต่างๆ ขอย้ำว่าไม่มีรอง ผบ.ตร. หรือผู้ช่วย ผบ.ตร.เกี่ยวข้องเรื่องดังกล่าวแน่นอน

...

ที่สำนักงาน ปปง. สายวันเดียวกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญา กรรมเข้ายื่นหนังสือต่อนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. ขอให้ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินนายเป้ เจ้าของเว็บพนันกับพวก ในมูลฐานความผิดร่วมกันฟอกเงินมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท จากการทำเว็บพนันออนไลน์ มีนายวิทยาพร จันทวาส นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ กองคดี 4 และในฐานะรองโฆษก ปปง.เป็นตัวแทนรับเรื่อง นายอัจฉริยะกล่าวว่า หลังนายเป้ยอมรับว่าทำเว็บพนัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดมากล่าวโทษกับ ปปง. เพื่อให้ยึดอายัดทรัพย์นายเป้กับพวก ส่วนรายการทรัพย์สินของนายเป้ที่นำมามอบวันนี้ อาทิ รถสปอร์ตหรูคันละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท บ้านเดี่ยวหลายหลังไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท กิจการบริษัทที่ใช้เป็นนอมินีในการฟอกเงิน รวมถึงโพยก๊วนที่มีการโอนเงินไปยังบัญชีต่างประเทศ ถ้ามีการยึดโดย ปปง.จะมีมูลค่าการยึดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

นายอัจฉริยะกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีเว็บพนันอีกรายการชื่อ Hilorich ยังทำอยู่ ไม่ปิดตัว มีการเปิดให้คนเข้าเล่น และถือว่าเว็บนี้เป็นเว็บไซต์แม่ ส่วนพฤติการณ์นายเป้มีการทำเว็บพนันและซื้อขายแฟรนไชส์กับกลุ่มสารวัตรซัว ส่วนประเด็นไฟล์ PowerPoint ปลอมที่มีคนใกล้ชิดนายเป้จัดทำขึ้นเพื่อแอบอ้างกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ก่อนนำไปใช้รีดทรัพย์นายเป้ 25 ล้านบาท อ้างว่าจะนำไปเคลียร์อธิบดีดีเอสไอนั้น ตนเป็นคนนำไฟล์ให้ดีเอสไอตรวจสอบเอง และต้นเรื่องจริงๆ

มาจากนายบอย นาทรัพย์ และนายต้น แต่นายบอยคือคนที่ปลอมเอกสาร ซื้อข้อมูลมาจากคนใกล้ชิดนายเป้เชื่อว่าข้อมูลเครือข่ายเว็บพนันเหล่านี้ที่ต้องการแฉนายเป้ มีนายตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลัง เป้ทำเว็บพนันมานานกว่า 3 ปี แต่ไม่เคยถูกจับกุม เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลัง

...