เมื่อ 2 วันที่ผ่านมานี้เอง ผมได้รับข้อความที่น่าสนใจ และเข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้อย่างดียิ่ง ที่เพื่อนๆในกลุ่มไลน์ของผมแชร์มาให้ ขออนุญาตนำมาแชร์ต่อในคอลัมน์วันนี้นะครับ

หากท่านใดได้อ่านแล้ว เพราะทราบว่าเป็น “โพสต์” จาก “หมอพร้อม” ซึ่งค่อนข้างจะมีสมาชิกแพร่หลายเยอะมาก ผมก็ขออภัยด้วย แต่สำหรับท่านที่ยังไม่เคยอ่านผมขอแนะนำให้อ่านสัก 2 จบ อ่านช้าๆ ทำความเข้าใจควบคู่ไปด้วยจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ตัวเราเองในสถานการณ์ปัจจุบัน

โพสต์จากหมอพร้อมชุดที่ว่านี้ พาดหัวไว้ว่า “อาการเครียดจากการเมือง” มีภาษาอังกฤษกำกับมาด้วยว่า “Political Stress Syndrome” ซึ่งใช้อักษรย่อว่า PSS

จากนั้นก็เป็นเนื้อหาที่ผมขออนุญาตคัดลอกมาทั้งดุ้น ดังต่อไปนี้

“อาการเครียดจากการเมือง ไม่ใช่โรคที่เกิดจากปัญหาทางสุขภาพจิต แต่เป็น ปฏิกิริยา ของ อารมณ์ และ จิตใจ ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีความสนใจปัญหาทางการเมือง ติดตาม สถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด หรือ เอนเอียง ไปทางกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนทำให้มีอาการ ทางกาย จิตใจ และกระทบต่อ สัมพันธภาพกับผู้อื่น มีลักษณะสำคัญ 3 ข้อ...ดังนี้

อาการทางกาย ตึงขมับหรือต้นคอ นอนไม่หลับ ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม แน่นท้อง ชาตามร่างกาย

อาการทางใจ หงุดหงิดง่าย โกรธ ฉุนเฉียว ก้าวร้าว เบื่อหน่าย สิ้นหวัง ฟุ้งซ่าน หมกมุ่น

ปัญหาพฤติกรรมและสัมพันธภาพกับผู้อื่น เช่น โต้เถียงกับผู้อื่นหรือคนในครอบครัวโดยใช้อารมณ์ อาจนำไปสู่การใช้กำลังจนทำให้เกิดปัญหาด้านสัมพันธภาพอย่างรุนแรง เป็นต้น”

อ่านแล้วก็ทำให้ได้ความรู้ว่า เจ้า “อาการเครียดจากการเมือง” นี้ ไม่ใช่โรคที่เกิดจากปัญหาสุขภาพจิตแต่อย่างใด...เป็นเพียง “กิริยา” “อาการ” ตลอดจน “อารมณ์” และ “จิตใจ” ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่านั้น

...

ตั้งแต่อาการปวดขมับ ตึงขมับ นอนไม่หลับ ใจสั่น ฯลฯ

รวมไปถึงอาการทางจิตใจ เช่น หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย ก้าวร้าว และหาเรื่องทะเลาะกับคนอื่นๆ จนอาจจะทำให้เสียเพื่อน เสียมิตร เสียคนรู้จัก ฯลฯ ไปในที่สุด

ล้วนแต่เป็นกิริยาอาการ และความประพฤติปฏิบัติที่ไม่ใช่สิ่งที่ดีแต่ประการใดเลย

ไม่เป็นปัญหาทางจิตวันนี้ก็อาจจะเป็นขึ้นมาได้ ในวันใด วันหนึ่งข้างหน้าว่างั้นเถิด

ด้วยเหตุนี้ในช่วงท้ายของ “ข้อความ” ของ หมอพร้อม ที่แชร์กันอยู่ขณะนี้ จึงลงท้ายเป็นคำเตือนสั้นๆแต่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งว่า

“โปรดติดตามข่าวสารการเมืองอย่างเข้าใจ และไตร่ตรองเพื่อห่างไกลจากอาการเครียดทั้งปวง--ด้วยความปรารถนาดีจากกรมสุขภาพจิต”

ทำให้ทราบว่า “โพสต์” นี้เป็นของ กรมสุขภาพจิต ที่ทำหน้าที่ดูแล ห่วงใย สุขภาพ “ทางจิต” ของคนไทยนั่นเอง...

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อเสนอแนะในช่วงท้ายที่ท่านแนะนำว่า เราจะต้องติดตามข่าวสารการเมืองอย่างเข้าใจ และไตร่ตรองอยู่เสมอ...พร้อมทั้งขอเติมคำว่า “สติ” เพิ่มเติมไปด้วยอีก 1 คำ เพื่อให้ข้อแนะนำของกรมสุขภาพจิตสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

อย่าลืมสำรวจตัวเองกันด้วยนะครับว่าทุกวันนี้เราเกิดอาการอย่างที่คุณหมอระบุมาข้างต้นแล้วหรือยัง โดยเฉพาะอาการประเภทหงุดหงิดง่าย โกรธง่าย ก้าวร้าวมากขึ้น ชอบทะเลาะกับคนอื่นๆมากขึ้น ฯลฯ

แน่นอนถ้าเป็นเยอะๆ หนักๆ ก็อาจต้องไปให้คุณหมอตรวจว่าเราเจ็บไข้อะไรหรือเปล่า เป็นโรคอะไรหรือเปล่า?

แต่ขั้นต้นเราลองติดตามการเมืองอย่างมีสติกันไปก่อน จนถึงขั้นเลิกดูข่าว เลิกติดตามไปสักพัก เช่น สักอาทิตย์ หรือ 10 วันอะไรทำนองนั้น

ถ้าหายปวดขมับ หายตึงขมับ หายตัวร้อน หายหงุดหงิด และเห็นใครก็ยิ้มให้ อยากคุยด้วย ไม่อยากทะเลาะไม่อยากเถียงกับคนอื่นก็แสดงว่าเราป่วยเป็นโรค PSS นี่จริง

ฉะนั้นจากนี้ไปขอให้ติดตามข่าวการเมืองอย่างเข้าใจ และไตร่ตรองมากขึ้นดังที่กรมสุขภาพจิตให้คำแนะนำในครั้งนี้

การบ้านการเมืองเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่สุขภาพของเรา โดยเฉพาะ “สุขภาพจิต” ก็สำคัญนะครับ อย่าลืม!

“ซูม”