ปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวคิดของความยั่งยืน (Sustainability) และการดำเนินธุรกิจด้วยนวัตกรรมยุคใหม่ (Innovation) คือสองแนวทางหลักที่เป็นดั่งหัวใจขององค์กรในปัจจุบัน แต่จะเป็นอย่างไรหากทั้งสองอย่างถูกนำมารวมกันแล้วต่อยอดสู่แนวทางใหม่ที่ให้ความสำคัญทั้งความก้าวหน้าและการใส่ใจต่อโลกใบใหญ่ที่เป็นบ้านหลังเดียวของเราทุกคนไปอย่างควบคู่

BGC หรือ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) คือองค์กรที่มองเห็นความเป็นไปได้ดังกล่าว แล้วลงมือทำให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรมโดยการนำแนวคิด Sustainability และ Innovation มารวมกันกลายเป็น “Sustainovation” ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อของ BGC ที่มุ่งหวังจะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนให้แก่ทุกภาคส่วน ทั้งองค์กร ลูกค้า ผู้คนในสังคม และสิ่งแวดล้อม มิใช่เพียงเพื่อวันนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอนาคต

โดยในงาน ProPak Asia 2023 งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิต แปรรูป และบรรจุภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ทางด้าน BGC นำโดย นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ บีจีซี (BGC) ก็ได้ขนทัพนวัตกรรมที่ถูกรังสรรค์ภายใต้แนวคิดดังกล่าวมาจัดแสดงหลากหลายชนิด นอกจากนี้ยังเผยถึงกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อให้บรรลุเป้ายอดขายเติบโตแตะ 2.5 หมื่นล้านภายใน 3 ปี โดยมีความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ

จัดเต็มนวัตกรรมแห่งความยั่งยืน ตอบโจทย์ลูกค้า เพื่อโลกที่ดีกว่า

BGC คือบริษัทที่กล่าวได้ว่าเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แก้วที่อยู่คู่ประเทศไทยมาเกือบ 50 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งโรงงานแห่งแรกเมื่อ พ.ศ.2517 บริษัทก็เดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง จากเตาเผาหนึ่งเตาสู่การเป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยในปัจจุบันบริษัทไม่ได้มองเพียงเรื่องการผลิตสินค้าเพื่อขายเท่านั้น แต่ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพลังที่จะสร้างสรรค์โลกที่ดีขึ้นในทุกวันด้วยการลงทุนในการคิดค้นบรรจุภัณฑ์นวัตกรรมที่จะตอบโจทย์ค่านิยมของบริษัทที่มองไปที่ความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Sustainovation” ด้วยความเชื่อว่านวัตกรรมที่มีความยั่งยืนเป็นรากฐานจะช่วยทำให้โลกของเราก้าวไปได้อย่างมั่นคง และยังพร้อมจะส่งมอบคุณค่าดังกล่าวสู่ลูกค้าที่มองหาค่านิยมแบบเดียวกัน

โดยในงาน ProPak Asia 2023 บริษัทได้นำนวัตกรรมแห่งความยั่งยืนมาจัดแสดงหลากหลายชนิด อาทิ

ผลิตภัณฑ์ขวดแก้วน้ำหนักเบา หรือที่เรียกว่า “Lightweight Bottle” ผลจากการวิจัยเพื่อจะผลิตขวดแก้วที่ใช้วัตถุดิบน้อยลง ซึ่งจะทำให้พลังงานที่ใช้ในการหล่อแก้วน้อยลงตามไปด้วย อีกทั้งด้วยน้ำหนักที่เบาก็ยังลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ซึ่งจะเป็นการช่วยโลกได้ตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงมือลูกค้า

ผลิตภัณฑ์กล่องกระดาษ MIDLOCK ซึ่งเป็นกล่องกระดาษที่ถูกออกแบบมาให้ใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด แต่ยังคงความแข็งแรงเต็มร้อย ขึ้นรูปได้ง่าย อยู่ตัวได้ดี และใช้เทปในการปิดน้อยลง โดยผลิตภัณฑ์นี้จะช่วยลดปริมาณขยะกระดาษจากการเติบโตของ e-commerce ได้อย่างมหาศาล จึงเรียกได้ว่าเป็นมิตรทั้งต่อผู้ค้าและโลกไปพร้อมกัน

ผลิตภัณฑ์ Mono-Material ที่ทั้งชิ้นงานเป็นวัสดุชนิดเดียวกันทั้งหมด เป็นการพลิกแนวทางการผลิตบรรจุภัณฑ์ดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง จากที่งานหนึ่งชิ้นจะประกอบไปด้วยวัสดุหลายประเภทที่นำมาประกอบเข้าด้วยกัน ทำให้ยากต่อการนำมารีไซเคิล สู่บรรจุภัณฑ์แนวคิดใหม่ที่ช่วยลดภาระในการคัดแยก ช่วยให้กระบวนการรีไซเคิลสะดวกขึ้นอย่างมาก

นอกจากนี้ BGC ยังนำนวัตกรรมอื่นๆ มาจัดแสดงด้วยเช่นกัน อาทิ ฉลากบรรจุภัณฑ์เรืองแสง ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นและเอกลักษณ์ให้สินค้า สะท้อนถึงความพร้อมในการตอบทุกโจทย์ของลูกค้าอย่างแท้จริง

ชูจุดแข็ง “Total Packaging Solutions” กุญแจสู่ยอดขาย 2.5 หมื่นล้าน

ในด้านกลยุทธ์ นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร กล่าวภายในงานว่า ณ ตอนนี้ บริษัทมีรายได้อยู่ที่ปีละประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากผลิตภัณฑ์แก้วซึ่งเป็นฐานเดิมของบริษัทประมาณ 85% ส่วนอีก 15% มาจากบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ ขวดพลาสติก บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ฟิล์ม และกระดาษ โดยบริษัทมีเป้าจะทำให้สัดส่วนดังกล่าวขยับเป็นแก้ว 60% และอื่นๆ 40% ทั้งโดยการขยายกำลังการผลิตเดิม การเฟ้นหากิจการที่น่าสนใจเพื่อนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท และการขยายพอร์ตธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบัน

นอกจากนี้ BGC ยังวางแผนจะขยายการเติบโตไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่บรรจุภัณฑ์โดยตรงเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม อาทิ ธุรกิจที่ได้ดำเนินการไปแล้วเช่น ธุรกิจแวร์เฮ้าส์ และธุรกิจเศษแก้วเพื่อการรีไซเคิล ซึ่งทั้งสองอย่างล้วนสนับสนุนห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของบริษัทให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ซึ่งหากเป็นไปได้ด้วยดีก็มีโอกาสจะขยายขนาดธุรกิจให้เกิดแหล่งรายได้ใหม่ๆ ที่มั่นคง เพื่อให้บรรลุเป้า 2.5 หมื่นล้านบาทภายใน 3 ปี

นอกจากนี้ผลจากการที่ BGC สามารถดำเนินธุรกิจตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานได้ด้วยตนเอง ทำให้จุดแข็งสำคัญของบริษัทอย่างการเป็น “Total Packaging Solutions” หรือการเป็นผู้ให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจรนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมไปอีกขั้น โดยนายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ได้เผยว่าบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าอย่างดีที่สุด จึงได้มีการคิดค้นบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงทำงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของการใช้งาน ความสวยงาม รวมถึงดึงความเป็นเอกลักษณ์ของลูกค้าแสดงออกมาในตัวผลิตภัณฑ์ โดย BGC เองมีศูนย์ Technology and Innovation Center (TIC) และทีมนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยค้นคว้า พัฒนา รวมไปถึงออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นในทุกๆ ชิ้นงานที่ถูกรังสรรค์ยังมั่นใจได้ว่าจะเป็นไปตามแนวทางความยั่งยืน จากนวัตกรรมการผลิตที่ทั้งล้ำสมัยและลดการเบียดเบียนสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมองไปถึงการนำกลับมารีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หรืออาจสรุปได้ว่า หากลูกค้ากำลังมองหาผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์ที่มีทุกอย่างครบจบในที่เดียว ตั้งแต่กระบวนการคิดค้นไปจนถึงการร่วมส่งมอบคุณค่าที่ดีแก่ผู้บริโภคและโลกทั้งใบ BGC คือคำตอบที่น่าสนใจอย่างยิ่งเลยทีเดียว

บุกเบิกทุกความท้าทาย ก้าวแรกเพื่อโลกที่ดีกว่าเดิม

สุดท้าย นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ได้กล่าวว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันเป็นปัจจัยที่ทำให้ทั่วโลกรวมถึงบริษัทให้ความสนใจกับเมกะเทรนด์นี้ BGC จึงวางแผนพัฒนาธุรกิจเสมอมาเพื่อให้สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio Circular Green Economy Model) ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมไปถึงกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่

แม้การเดินหน้าในแนวทางสีเขียวจะมีอุปสรรคและความท้าทายอยู่มาก อย่างปัญหาในเรื่องต้นทุนสำหรับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ยังมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง หรือปัญหาจากระบบรีไซเคิลของบ้านเราที่ยังไม่แข็งแกร่งมากนัก ทำให้ผลิตภัณฑ์บางอย่าง อาจจะยังไม่คุ้มค่านักในการนำมาใช้งานจริง แต่ นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ก็ย้ำชัดถึงเจตนารมณ์ของ BGC ว่า “ทุกอย่างมันต้องมีก้าวแรก ดังนั้นเราจึงพยายามผลักดันมันขึ้นไป มันจะเกิดขึ้นในสิบปียี่สิบปีเราไม่อาจรู้ แต่ถ้าเราไม่เริ่มก้าวแรก เราก็คงไม่ได้เริ่มเสียที”

คำกล่าวนี้นับได้ว่าเป็นบทสรุปที่ชัดเจนและตอกย้ำความมุ่งมั่นของ BGC ได้เป็นอย่างดี ในฐานะองค์กรที่เป็นผู้นำเรื่องบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ที่ไม่มองเพียงวันนี้เท่านั้น แต่ยังพร้อมจะร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกันกับทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง