สหพันธ์ขนส่งทางบกฯ เดินหน้าสู้ ร่วมสาง "ส่วยสติกเกอร์" รอได้หากก้าวไกล สะดุดตั้งรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาเราอยู่ในยุคลำบากมานาน 

วันที่ 2 มิ.ย. 66 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เป็นการพูดคุยกับ นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับ "ส่วยสติกเกอร์" ติดรถบรรทุก ซึ่งพบว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีมานานแล้ว

นายอภิชาติ เผยว่า รอมา 20 กว่าปี เพื่อวันนี้ เพราะระบบในบ้านเรา เป็นระบบอุปถัมภ์ สติกเกอร์ที่เกิดขึ้นมาได้ ก็เพราะเมื่อปี 2539 มีเจ้าหน้าที่ไปเก็บกับรถบรรทุก รถกระบะ จนเกิดเป็นสติกเกอร์ขึ้น ซึ่งตอนนั้นมีเพียง 4-5 ป้าย แต่ตอนนี้มีกว่า 50 ป้าย ซึ่งเราก็เคยเป็นทาสของการเสียส่วยนี้เหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้ว เราถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ รับเท่าไรก็ไม่รู้จักคำว่า "พอ" จึงจำเป็นที่จะต้องลงมติร่วมกันว่า มาอยู่ภายใต้กฎหมายดีกว่า อะไรจะเกิดก็เกิด จึงพัฒนาองค์กรมาเรื่อยๆ มีสมาชิกที่ไม่อยากทำผิดกฎหมายเข้ามาร่วม จนขณะนี้ มีสมาชิกทั่วประเทศ ประมาณ 10 สมาคม

นายอภิชาติ เผยต่อว่า แม้เราจะทำถูกกฎหมาย แต่ก็ยังมีปัญหามาให้จุกจิก โดยในส่วนของรถบรรทุกเองจะถูกกดดันในการเรียกให้จอด เรียกใบสั่ง ตั้งข้อหาแปลกๆ เช่น ไฟที่ติดเพิ่ม 2-3 ดวง ก็จะถูกปรับ 5,000 บาท เพื่อกดดันให้เราเสียส่วย ซึ่งที่ผ่านมา เราเคยจ่ายส่วยสติกเกอร์มาก่อน แต่สุดท้ายก็เลิก อดีตที่ผ่านมา เราเป็นเสมือนองคุลีมาร แต่ตอนนี้เรากลับใจ เพราะเราเห็นถนนเสียหายมาก มันไม่คุ้ม รถคันใหม่ๆ ต้องไปแบกน้ำหนักเกิน ทำให้สมรรถภาพของรถเสื่อมเร็ว จากที่จะใช้ได้ 10 ปี แต่กลับใช้ได้เพียง 3-5 ปี

สอบถาม นายสมชาย (สงวนนามสกุล) คนขับรถบรรทุก สินค้าเกษตร ที่ต้องจ่ายส่วนสติกเกอร์ ให้ข้อมูลว่า ตนวิ่งรถมา 20 กว่าปี สมัยตั้งแต่ยังไม่มีสติกเกอร์ โยนเงินไว้ตามป้อม ซึ่งทุกวันนี้ก็หันใช้ประโยชน์จากสติกเกอร์ เวลาที่ไม่ได้ติดสติกเกอร์ ก็จะมีปัญหามาให้จุกจิกกวนใจ แต่หากติดแล้ว ก็ทำให้สบายขึ้น แล้วการบรรทุกของเขาก็มีลิมิตให้เรา แล้วแต่ว่าเราจะบรรทุกเท่าไร ซึ่งหากโดนเรียกจับ เราก็แค่โทรหาเจ้าของสติกเกอร์ เพื่อให้เคลียร์ให้เรา ตนมองว่า มันดีกว่าการมาถูกจับนั่น จับนี่ ทุกวันนี้ก็ยังจ่ายอยู่ แต่หลังจากมีข่าว เจ้าของสติกเกอร์ก็บอกว่า ยังทำไม่ได้ ขอดูว่าผู้ที่อยู่ข้างบนจะรับไหม ประมาณนั้น เพราะเขาก็กลัวว่าเขาจะถูกกวนขัน โดยค่าสติกเกอร์ที่ตนต้องจ่าย มีราคาตั้งแต่ 3,000 บาท ไปจนถึงหลักหมื่น แล้วแต่ว่าจะวิ่งไปไหน เพราะสติกเกอร์ 1 ใบ จะกำหนดพื้นที่ในการวิ่ง ซึ่งส่วนมาก ตนจะวิ่งรถไปทางภาคอีสาน ภาคกลาง และจังหวัดปริมณฑล หลังจากจ่ายแล้ว ก็ไม่มีปัญหากวนใจ ซึ่งตัวเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะจ่ายต่อไหม ต้องดูเจ้าของสติกเกอร์ด้วย หากเขาไม่ทำ เราก็คงต้องทำตามกฎหมาย แต่ถามว่า วิ่งตามกฎหมายทำให้รายได้เราเหลือเยอะไหม ต้องบอกว่า ไม่เยอะเท่าการจ่าย ทุกคนจึงยอมที่จะซื้อสติกเกอร์ อีกอย่างก็เพื่อความสะดวกด้วย 

...

นายสมชาย เผยต่อว่า สติกเกอร์แต่ละดวง จะกำหนดให้ว่า ใช้วิ่งจากไหนไปไหน ถ้าราคาหลักหมื่นขึ้นไป ก็สามารถวิ่งได้หลายจังหวัด แต่หากจ่ายถูกกว่านั้น อาจต้องเสียเงินหลายสติกเกอร์ ซึ่งส่วนตัวตน จ่ายหลักหมื่น เพราะวิ่งรถหลายจังหวัด 

เมื่อถามว่า การที่สหพันธ์ฯ เตรียมที่จะทลายปัญหานี้ คนขับรถบรรทุกส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ นายสมชาย เผยว่า อยู่ที่ว่าถ้าทุกคนอยู่ในกรอบกติกาเดียวกันก็ดี รถตนก็ไม่พังด้วย อย่างหน้าร้อน เราต้องวิ่งกลางคืนเท่านั้น เพราะน้ำหนักเยอะ เสี่ยงต่อยางระเบิด แต่ที่มันมีข้อเหลื่อมล้ำคือ ส่วนหนึ่งเพราะบรรทุกเกินมาเยอะ มันก็มีเหลือใช้เยอะ มันล่อให้เราต้องแบกน้ำหนักมากขึ้นกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งยอมรับว่า การจ่ายส่วยเหลือมากกว่า การวิ่งรถตามกติกา แต่ถ้าจะแก้ไขแล้ว ก็อยากให้เท่าเทียมกันหมด จะได้ไม่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำในการแข่งขัน รถก็จะไม่พัง เพราะลึกๆ เราก็ไม่อยากจ่าย แต่เพราะสถานการณ์มันบังคับ 

ด้าน นายอภิชาติ เผยต่อว่า ที่ผ่านมา เราถูกกดดันจากสมาชิกว่า สหพันธ์ฯ ตั้งขึ้นมาทำไม ในเมื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ซึ่งตนก็บอกว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ได้มาเอื้อประโยชน์เรา แต่หากมาซัพพอร์ต เราก็จะได้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนขับรถรู้ว่า หลายคนต้องมาเสี่ยงกับถนนที่มันเสียหาย มันคุ้มกันหรือไม่ แต่เราก็ปกป้อง หากสมาชิกโดนรังแกโดยไม่ชอบธรรม เราก็เข้ามามีบทบาทตรงนี้ บางเคสก็ได้รับการแก้ไข แต่บางครั้งก็เจอขู่ว่า ถ้าไม่เคลียร์ ก็อย่ามาวิ่งเส้นนี้ ทุกวันนี้ สหพันธ์ฯ พยายามสื่อให้เห็นถึงอันตรายของถนนที่ชำรุด ซึ่งประชาชนมีส่วนช่วยตรวจสอบได้ หากเห็นอะไรที่ผิดปกติสามารถถ่ายคลิป ลงโซเชียล สังคมก็จะมาฟ้อง เจ้าหน้าที่ก็จะรับส่วยยากขึ้น

นายอภิชาติ บอกด้วยว่า ที่คนขับรถบรรทุกเชื่อว่า เงินเหลือมากกว่าหากจ่ายส่วย อยากให้คิดว่า เป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ เพราะหากบรรทุกน้ำหนักเกิน การเสื่อมของช่วงล่างจะตามมาทันที ล้อกระทะแตก ยางระเบิด เดี๋ยวนี้ยางเส้นนึงราคาเกือบหมื่น หากระเบิด กำไรก็ไม่เหลือแล้ว ซึ่งรถของสมาพันธ์ฯ แม้จะได้เงินน้อยกว่า แต่เราก็ไม่ต้องไปเสียค่าซ่อมบำรุงจำนวนมาก เปรียบเทียบแล้ว เราอาจจะเหลือมากกว่าด้วยซ้ำ เรื่องแบบนี้อธิบายยาก มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึก ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ มีข้างละ 6 เลน แต่ทำไมรถบรรทุกมาวิ่งเลนขวา ก็เพราะเลนซ้ายเขาทำพังหมดแล้ว อีกหน่อยเลนขวาพัง ก็กลายเป็นถนนดาวอังคาร ซึ่งอยากให้ทุกคนช่วยกัน คนที่ทำผิดกฎหมายก็จะไม่กล้าอีกต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รักษาราชการในตำแหน่ง ผบก.ทล. เปิดเผยว่า หลังจากที่เข้ามาสางปัญหานี้ เราได้ดำเนินการเบื้องต้นในการเลิกชุดเฉพาะกิจของทางหลวงทั้งหมด และสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบ และรวมสติกเกอร์ที่อยู่แต่ละกองทั่วประเทศส่งมาให้ภายใน 5 วัน และเพื่อความเป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย เราได้ให้เจ้าหน้าที่กวดขัน ดำเนินการกับรถบรรทุกหนักทั่วประเทศ ถ้าใครไม่ดำเนินการ เราก็จะเอาผิดทางวินัย ซึ่งสติกเกอร์ที่เราตรวจสอบตอนนี้ เรารู้แล้วว่าตัวละครหลายตัวเป็นใครบ้าง แต่สิ่งที่เราอยากได้จากผู้ประกอบการ สหพันธ์ฯ เพราะเราไม่ต้องการแค่การโยกย้าย แต่เราต้องการที่จะกวาดบ้านตัวเอง ดำเนินคดีตามกฎหมาย กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้เป็นเยี่ยงอย่าง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยด้วยว่า กรณีมีชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสติกเกอร์ 5 ป้ายนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งเราไม่ได้นิ่งนอนใจ เรื่องนี้ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด ยืนยันไม่มีมวยล้มแน่นอน แต่ตอนนี้เราอยากให้ผู้เกี่ยวข้อง นำหลักฐานไปร้องทุกข์ แจ้งความดำเนินคดีที่ บก.ปปป. ก็ได้ อย่านิ่งเฉยกับการทุจริต พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่า แม้จะมีการตรวจสอบตำรวจด้วยกันเอง แต่เราก็ไม่เว้นตำรวจโจรเหมือนกัน ซึ่งผมก็อยากให้มั่นใจ

นายอภิชาติ เผยต่อว่า ที่ผ่านมา เราร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ก็มีการแก้ไข แต่ไม่ค่อยเป็นรูปธรรม แต่มาครั้งนี้ เพียงไม่กี่วัน นายวิโรจน์ สามารถที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ที่จะดูแลต้องนี้ถูกโยกออกไป เราก็มั่นใจว่า สิ่งที่เรามีอยู่ในมือ ก็มอบให้นายวิโรจน์ไป แต่จำแก้ปัญหาสำเร็จหรือไม่นั้น พูดตามตรงว่า ก็ไม่ได้หวังเต็ม 100 แต่หากมีความตั้งใจ เราก็มีหวัง จะได้ขึ้นมาหายใจบ้าง ที่ผ่านมา เราอกหักมาเยอะ 

ทั้งนี้ รายชื่อที่เรามอบให้นายวิโรจน์ ทั้ง 46 รายชื่อ จะเอาผิดได้หรือไม่นั้น ต้องไปสอบสวน เพราะทั้งหมดเป็นคำบอกเล่า อย่างไรก็ตาม มีชื่อหนึ่งที่หลุดออกไปตามสื่อ คือ "พ่อเลี้ยงลำปาง" ผมยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้อง เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย

เมื่อถามว่า หากก้าวไกลสะดุด ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล จะเป็นอย่างไร นายอภิชาติ บอกว่า เราสู้มา 20 ปี ทำได้ถ้าจะต้องรอก้าวไกลอีก 4 ปี เพราะเราอยู่ในยุคที่ลำบากมาตั้งหลายปี ถึงขั้นตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน

...


ติดตามได้ในรายการเปิดปากกับภาคภูมิ เวลา 15.30 น. ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32