โควิด-19 จ่อกลับมาหลอนไทย เมื่อยอดผู้ติดเชื้อเสียชีวิตสัปดาห์ที่ผ่านมาพุ่งพรวด 64 ศพ หรือเพิ่มรวดเดียว 200 เปอร์เซ็นต์ ครึ่งหนึ่งเป็นผู้สูงวัยที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนกับกลุ่มฉีดวัคซีน 2 เข็มแต่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมานาน กรมควบคุมโรคแนะขอให้กลุ่มเสี่ยงมารับวัคซีนป้องกัน ส่วนผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยให้ตรวจ ATK หากขึ้น 2 ขีดให้รีบพบแพทย์ ย้ำสถานพยาบาลทุกแห่งมีพร้อมทั้งยา เวชภัณฑ์และเตียง ขณะที่ “หมอนิธิพัฒน์” เตือนโควิดกำลังกลับมาโงหัวฟาดหาง โดย รพ.ศิริราชยอดผู้ป่วยหนักสะสมใกล้ตึงมือ เพราะไม่ใช่แค่ผู้สูงวัยกลุ่มเปราะบาง แต่เริ่มมีผู้ป่วยเด็กด้วย เหตุเปิดเทอม เข้าหน้าฝน มีกิจกรรมรวมตัวนอกบ้านแล้วการ์ดตก

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในไทยกลับมาหนักหน่วงขึ้นโดยเมื่อวันที่ 22 พ.ค. เว็บไซต์กรมควบคุมโรครายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สัปดาห์ที่ 20 ระหว่างวันที่ 14-20 พ.ค.2566 พบว่าผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 2,632 คน เฉลี่ย 376 คน/วัน ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 64 คน เฉลี่ย 7 คน/วัน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 401 คน และผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 226 คน เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าเพิ่มขึ้นทุกยอด โดยเฉพาะจำนวนผู้เสียชีวิตรายใหม่ สัปดาห์ที่ 19 (7-13 พ.ค.2566) อยู่ที่ 22 ศพ แต่สัปดาห์ที่ 20 พุ่งไปถึง 64 ศพ หรือขึ้นเกือบสามเท่า

ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ป่วยและเสียชีวิตในสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงขึ้น เป็นไปตามที่กรมได้คาดการณ์ไว้ โดยในช่วงนี้เป็นช่วงขาขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงการเปิดภาคเรียน มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมากและเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝน และลักษณะของโรคโควิด-19 มีลักษณะการระบาดตามฤดูกาล สำหรับผู้เสียชีวิต 64 คนนั้น เป็นผู้ป่วยสูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียวถึงร้อยละ 50 และผู้ป่วยที่รับวัคซีน 2 เข็ม แต่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมาเป็นเวลานาน อีกร้อยละ 30 คำแนะนำของกรมควบคุมโรค คือขอให้กลุ่มเสี่ยงมารับวัคซีน และช่วงนี้เป็นช่วงเปิดภาคเรียนและเข้าสู่ฤดูฝน ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ ได้แก่ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เมื่อเข้าไปในพื้นที่แออัดควรสวมหน้ากากอนามัย ที่สำคัญหากเข้าใกล้ผู้สูงอายุขอให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันผู้สูงอายุ

...

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าที่ผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงขึ้น มีสาเหตุจากการชะล่าใจหรือเข้าใจผิดคิดว่าป่วยเป็นโรคไข้หวัด ทำให้ไม่ได้ไปพบแพทย์รักษาโรคโควิด-19 นั้น นพ.ธเรศกล่าวว่า กรมยังไม่ได้สอบสวนโรคลงลึกในรายละเอียดขนาดนั้น แต่มีคำแนะนำสำหรับผู้สูงอายุว่า ขอให้รับไปรับวัคซีนป้องกันโรค โดยขณะนี้มีการรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนคู่ทั้งป้องกันโควิดและไข้หวัดใหญ่ ซึ่งฉีดพร้อมกันได้ และกรณีผู้สูงอายุมีอาการ ขอให้ตรวจ ATK หากพบว่าขึ้น 2 ขีด ให้รีบไปพบแพทย์ สถานพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมทั้งยา เวชภัณฑ์ และเตียง โดยอัตราการครองเตียงยังรองรับผู้ป่วยได้อยู่

วันเดียวกัน รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบทางเดินหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โพสต์เฟซบุ๊กว่า ขอเตือนกันดังๆอีกครั้งว่า อย่ามัวสนใจกันแต่เรื่องจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ศึกโควิดที่ทำท่าจะซบเซาไปแล้วกำลังกลับมาโงหัวฟาดหางประเทศเราเป็นการใหญ่ ณ บ้านริมน้ำ ตัวเลขผู้ป่วยโควิดรอรับเข้าโรงพยาบาลกลับเพิ่มมากขึ้นใหม่ นอกจากจะเป็นผู้ใหญ่กลุ่มเปราะบางแล้ว เริ่มมีผู้ป่วยเด็กให้เห็นประปรายด้วย ในภาพรวมประเทศสัปดาห์ล่าสุดที่ 20 ของปี ยังมีการเพิ่มขึ้นไปต่อของยอดผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ โดยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ 19 ก่อนหน้าราว 12 เปอร์เซ็นต์ 26 เปอร์เซ็นต์ และ 39 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ส่วนยอดผู้เสียชีวิต พุ่งตามหลังมาเพิ่มขึ้นไปถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องระวังคือ ยอดผู้ป่วยอาการหนักสะสมรวมเข้าใกล้แนวรับศักยภาพตึงมือภาคการแพทย์ที่ 500 คนแล้ว และผู้เสียชีวิตใกล้จะถึงแนวรับที่ 10 คนต่อวัน แล้วเช่นกัน

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ระบุต่อว่า ปัจจัยหลักน่าจะมาจากผู้คนมีกิจกรรมนอกบ้านแบบไม่ระมัดระวังกันมากขึ้น ส่วนปัจจัยรองอาจมาจากสายพันธุ์ย่อยทั้งหลายที่สืบตระกูลของโอมิครอน XBB ซึ่งถือโอกาสรุกคืบเข้ายึดครองตลาดในช่วงที่ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ และจากวัคซีนของคนไทยเราเริ่มตกลง แถมยังเป็นช่วงที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองกันอย่างหนักทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง ดังนั้น การรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนมากในที่สาธารณะช่วงนี้ จึงควรหลีกเลี่ยง และขอให้เคร่งครัดการใส่หน้ากากในพื้นที่ที่การระบายอากาศไม่ดี