เมื่อช่วงสายๆของวันศุกร์ที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา เริ่มมีข่าวสั้นๆโพสต์เผยแพร่ไปตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆว่า คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ภรรยาของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานใหญ่แห่ง อาณาจักรไทยเบฟได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว

ต่อมาสำนักข่าวออนไลน์ทุกสำนักก็เผยแพร่ข่าวอย่างเป็นทางการว่าคุณหญิงวรรณาได้ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบ เมื่อเวลา 01.24 น. หรือ เช้าตรู่วันศุกร์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
บางสำนักข่าวมีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าสิริอายุของคุณหญิงวรรณา เมื่อวันถึงแก่อนิจกรรม 80 ปีกับเศษเป็นวัน เพราะท่านเกิดเมื่อ 2 มีนาคม พ.ศ.2486 อนิจกรรมวันที่ 17 มีนาคม 2566 จึงมีอายุ 80 ปี กับ 15 วัน

แต่ทุกๆสำนักข่าวก็มิได้แจ้งสาเหตุของโรคที่ทำให้ท่านจากไปอย่างกะทันหันจนทำให้บุคคลที่รู้จักท่านจำนวนมากรู้สึกตกใจ

ผมเองโดยส่วนตัวถือว่ารู้จักกับท่านมาสักร่วมๆ 20 ปี เห็นจะได้ ในฐานะที่เป็นกรรมการของ มูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติ ที่มีท่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นประธานมาด้วยกันตั้งแต่เริ่มก่อตั้งใหม่ๆ

จึงเท่ากับว่าประมาณปีละ 2 ครั้ง หรืออย่างน้อยก็ 1 ครั้ง ที่ผมมีโอกาสจะได้ร่วมประชุมกับคุณหญิงวรรณา และได้มีโอกาสสนทนาปราศรัย กับท่าน ก่อนเริ่มประชุม ซึ่งมักจะมีการรับประทานอาหารร่วมกันทุกครั้ง

ท่านเป็นคนคุยสนุก สุภาพ อ่อนน้อม และให้เกียรติผู้ร่วมสนทนา โดยตลอด ผมทราบเรื่องการบริจาคด้วยเงินก้อนใหญ่มากจากมูลนิธิไทยเบฟ, ของคุณ เจริญ สิริวัฒนภักดี สามีท่าน และตัวท่านเอง แก่ โรงพยาบาลสถาบันไตรภูมิราชนครินทร์ ที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากการสนทนาในโต๊ะอาหารก่อนประชุมนั่นเอง

มีกรรมการท่านหนึ่งถามขึ้น ท่านจึงตอบและเล่าให้ฟัง ซึ่งก็เป็น การเล่าอย่างถ่อมตน มิใช่โอ้อวดว่าฉันและสามีฉันบริจาคเงินก้อนใหญ่แต่อย่างใดเลย

...

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมถามถึงการแจกผ้าห่มแก่พี่น้องชาวชนบทยากจนในช่วงฤดูหนาว ปีละ 2 แสนผืน ที่แจกติดต่อกันมาหลายปี...ถ้าจำไม่ผิด วันที่ผมถาม น่าจะประมาณปี 2560 ซึ่งในปีนั้นไทยเบฟแจกมาแล้ว 18 ปีติดกัน รวมแล้วก็ประมาณ 3 ล้าน 6 แสนผืนนับถึงปีนั้น

คุณหญิงจะเล่าถึงที่มาที่ไปของโครงการนี้ และบรรยายถึงความสุขที่ท่านและคุณเจริญ ซึ่งหลายๆครั้งจะไปแจกด้วยตัวเอง

เป็นความสุขที่ผมรู้สึกได้ว่ามาจากใจจริง ผ่านนํ้าเสียงที่ท่านเล่าอย่างถ่อมตนเมื่อครั้งกระโน้น

ผมไม่เคยเอามาเขียนต่อในคอลัมน์นี้ แต่ก็แอบชื่นชมและเก็บไว้เป็น “คะแนน” ที่แอบให้อยู่ในใจสำหรับอภิมหาเศรษฐีทั้งหลาย

จริงๆแล้วผมมิได้เพิ่งจะมาเริ่มเขียนวิงวอนขอให้ “คนรวยช่วยคนจน” ในช่วงโควิด-19 ระบาดเท่านั้น แท้จริงแล้วผมเขียนอย่างอ้อมๆ

มาเป็นเวลานานมากในฐานะคนที่เคยมีประสบการณ์ในการพัฒนาชนบทมากว่า 30 ปี

ว่าลำพังรัฐฝ่ายเดียวไม่มีทางช่วยพี่น้องชาวชนบทได้สำเร็จ...ภาคเอกชนต้องช่วยอย่างมาก...หากประสงค์จะเห็นสังคมไทยเราอยู่อย่างสงบร่มเย็นไปตราบกาลนาน

ครอบครัว “สิริวัฒนภักดี” ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะเป็นการจูงใจ หรือ ผลักดันของคุณหญิงวรรณา นี่แหละที่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนรวยช่วยคนจนในทัศนะของผม

ผมเคยเขียนถึงคุณ ฐาปน สิริวัฒนภักดี บุตรชายของท่านหลายครั้ง เขียนให้กำลังใจ ในโครงการ “ประชารัฐ” ต่างๆที่ไทยเบฟเข้าไปร่วมสนับสนุนผ่านกรมพัฒนาชุมชน ผ่านกระทรวงมหาดไทย ในชุมชนต่างๆทั่วประเทศ

จากการสัมภาษณ์พูดคุยและติดตามการทำงานของคุณฐาปนทางสื่อต่างๆมาตลอด ผมเชื่อในความจริงใจที่คุณฐาปนและคนของท่านลงไปช่วยชุมชนในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้

เนื่องในโอกาสที่คุณหญิง วรรณา สิริวัฒนภักดี ที่ผมเชื่อว่ามีอิทธิพลต่อแนวคิดและแนวปฏิบัติในเรื่องสาธารณกุศลของกลุ่มไทยเบฟอย่างมาก ต้องอำลาจากโลกนี้ไปอย่างน่าเสียดายยิ่งในวันนี้

ผมขอขอบคุณ คุณหญิงวรรณา และครอบครัวสิริวัฒนภักดีอีกครั้งหนึ่ง และหวังว่า ทั้งคุณ เจริญ และลูกๆของท่าน จะ “ทำ” เพื่อประเทศไทยต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

รวยอย่างสุจริตเป็นความชอบธรรมอยู่แล้ว...รวยไปเถิดครับ สังคมไทยยอมรับและยินดีด้วย

แต่ถ้าคุณรวยอย่างสุจริต และควบคู่ไปกับความมีนํ้าใจที่พร้อมจะ “ให้” และ “แบ่งปัน”...สังคมไทยจะชื่นชม จะขอบคุณ และยกย่องคุณไปตราบกาลนาน.

“ซูม”