ในหนังสือแบบหัดอ่านเบื้องต้น โดยพระผดุงวิทยาเสริม (กำจัด พลางกูร) ฉบับ พ.ศ.2481 มีเรื่องที่เด็กรุ่นแม่ผมเรียน เรื่องตาโป๋เป่าปี่ เรื่องหนูหล่อพ่อเขาพาไปดูหมี ฯลฯ แล้วก็มีเรื่อง บทที่ 66 ไม่มีชื่อเรื่อง

เรื่องนี้อ่านแล้วหัวเราะ นึกถึงนักการเมืองไทยหลายคน จึงขอคัดลอกเอามาบอกต่อ (หนังสืออนุสรณ์งานศพ เสาวรส ทองปาน 20 ส.ค.2454 ขอบคุณคุณศรัณย์ ทองปาน ให้ไว้นานแล้ว)

มีเด็กคนหนึ่งเลี้ยงเป็ดไว้ตัวหนึ่ง ไก่แจ้ตัวหนึ่ง ไก่นั้นเมื่อถึงกำหนดที่จะขันก็ตีปีกปุ้บๆ แล้วขันเอ้กอี่เอ๊กเอ๊ก เจ้าของได้ฟังเสียงก็ชอบใจ เข้าอุ้มลูบคลำเล่น

เป็ดจะใคร่ให้เจ้าของรักบ้าง เป็ดก็ตีปีกปั้บๆ แล้วก็ขันก้าบๆ ก๊าบๆ ไก่ได้ยินเสียงก็เบื่อหนัก เป็ดได้ยินเสียงไก่ขันทีไร ก็ขันแข่งประชันทุกครั้ง ไก่ไม่อยากได้ยินเสียงเป็ดขัน ก็ไม่ขัน

เป็ดเข้าใจว่าไก่สู้ตัวไม่ได้ ก็ทำร่าเริงต่างๆ ไก่จึงนึกแต่ในใจว่า “ถ้าเราอยู่ในบ้านหลังนี้ เป็ดก็ขันตามอย่างเรา เราไม่พอใจฟัง” ไก่ก็หนีไปอยู่บ้านอื่น

เป็ดนั้นครั้นไก่ไปแล้ว ไม่มีผู้ใดจะสอนตัวให้ขัน ก็ขันไม่ได้ เจ้าของก็ตี และบีบคั้นคอเป็ด จนร้องไม่ออก

ยายของเด็กนั้น กลับมาจากนา เห็นหลานกำลังคั้นคอเป็ดอยู่ จึงถามว่า “นี่เจ้าจะคั้นคอเป็ดนั้น เอาอะไร?”

เด็กจึงตอบว่า “แต่ก่อนเมื่อไก่อยู่ ไก่ขัน มันก็ขันบ้าง แต่เสียงที่มันขันนั้น ก็ไม่เหมือนไก่ดอก ถึงกระนั้น ฉันก็อยากจะใคร่ฟังมันขันอีก เดี๋ยวนี้มันไม่ขัน ฉันจึงคั้นคอให้มันขัน”

ยายแกจึงห้ามปรามสั่งสอนว่า “หลานจะให้เป็ดขัน มันจะขันได้หรือ? ยายได้ยินเขาพูดกันว่า เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไว้กินไข่ เลี้ยงวัวเลี้ยงควายไว้ใช้งาน ที่เจ้าจะคั้นคอให้มันขันนั้น มันขันไม่ได้ดอก

...

อย่าคั้นคอมันเลย ปล่อยวางมือเสียเถิด” เมื่อหลานได้ยินยายห้ามปรามดังนั้น ก็วางมือปล่อยเป็ดตัวนั้นไปบทหัดอ่านที่ 66 จบลงตรงนี้ มีประโยคทิ้งท้ายไว้เหมือนเป็นชื่อเรื่องว่า “อย่าเอาเป็ดขันประชันไก่”

อ่านบทหัดอ่านเด็กรุ่นปู่รุ่นย่า...แล้วคิดถึงใครครับ ลำดับแรก ผมคิดถึงทหารแก่พี่น้องสองคน ...ทั้งพลเอกประวิตร พลเอกประยุทธ์

พยายามติดตามดู ตอนปราศรัยหาเสียง...ขนาดทำการบ้านมาดี มีสคริปต์ให้ท่อง ผมว่า พูดให้ดีแค่ไหน ก็ไม่เร้าใจ ไม่ชวนฟัง เหมือนนักการเมืองอาชีพ

เทียบกับคุณอุ๊งอิ๊ง รุ่นหลาน...รายนี้ หน่วยก้านไม่แค่ดีกว่า ยังฝึกปรือมาดีกว่า พูดไม่กี่คำ ทั้งท่วงท่าและเนื้อหา “ทุกครั้งมักได้ใจ”

ไม่ถึงขั้นเอาไปเทียบคุณณัฐวุฒิ ซึ่งหลายครั้งอยู่ใกล้ๆปากคุณณัฐวุฒิ ในทางการเมืองเห็นจะต้องใช้คำว่า เป็นเอกเหมือนเสกมนต์

และถ้าไปฟัง ใครก็ได้สักคนประชาธิปัตย์ โอ! พรรคนี้แต่ละคน ไม่ว่าแหลงใต้ หรือแหลงกลาง เข้าขั้นเทพ

ลีลานักการเมืองอาชีพเหล่านี้ ทั้งสองทหารแก่ ก็คงเข้าใจดีฝึกยังไงก็ไม่มีทางตามทัน...

แต่ก็นั่นแหละ เป็นที่เข้าใจ ทหาร ก็คือทหาร ทั้งชีวิตเติบโตยิ่งใหญ่มาได้ กับซ้ายหันขวาหัน

ก็คงเหมือนเป็ด ในแบบหัดอ่านนั่นล่ะ หากมีไก่ขันนำ อยู่ใกล้ๆก็พอจะขันก้าบๆ ไปตามเพลงได้

แต่จะให้สุ้มเสียงลีลา เอ้กอี่เอ้กเอ๊กเอ๊กๆ เหมือนไก่ตัวจริง พยายามยังไง ก็ไม่เหมือน

นี่ว่ากันแค่ลีลาปราศรัย ยังไม่เอาเรื่องลีลาแสดง สองวันก่อน ทีวีบางช่องลงทุนโค้ช ตอน ลุงป้อม บีบน้ำตา เมื่อเด็กๆท่องสัมโมทนียกถา...ผมพยายามจ้อง...ไม่เห็นวี่แววหยดน้ำตา

ดูคุณชวน หลีกภัย ซี! ลีลาตีกลองสะบัดชัย...แม่ยกซี้ดปากร้องกันเกรียว

เบื่อจะทักกันแล้วนะครับ...ทหารก็ควรอยู่แบบทหาร เกินเวลากลับแถว...มาเนิ่นนาน...ดื้อไม่ยอมฟังกันเอง ถ้าเป็นเป็ดในแบบหัดอ่าน ผมว่านะ คงถูกบีบคอคั้นให้ขันกันไปบ้างแล้ว.

กิเลน ประลองเชิง