ดร.เจนจิรา รัตนเพียร ผช.เลขานุการ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพคนโสดรุ่นใหม่ ว่า ประเทศไทยมีอัตราเจริญพันธุ์รวมเหลือเพียง 1.16 ในปี 2564 และมีแนวโน้มจะลดลงอีก กระทรวงสาธารณสุขได้มีนโยบายส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ แต่ยังไม่สามารถเพิ่มจำนวนการเกิดได้ จึงได้จัดกิจกรรม Sod Smart เพื่อพัฒนาศักยภาพคนโสดรุ่นใหม่ สร้างทัศนคติเชิงบวกต่อการใช้ชีวิตคู่และการมีบุตร

โดยรับฟังข้อเสนอจากคน 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มคนโสด เสนอให้จัดทำแอปพลิเคชันที่สามารถจับคู่ได้อย่างปลอดภัย ไม่มีค่าใช้จ่าย ลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่ดูแลบุพการี 2.กลุ่มที่ต้องการมีบุตร เสนอให้แก้กฎหมายอุ้มบุญให้คนที่ไม่ใช่ญาติสามารถตั้งครรภ์แทน ผู้หญิงโสดสามารถขออสุจิจากธนาคารสเปิร์ม (sperm bank) สำหรับการตั้งครรภ์ได้ สนับสนุนค่าเลี้ยงดูบุตรตั้งแต่แรกเกิด-15 ปี เพิ่มวันลาคลอดเพื่อเลี้ยงดูบุตร แบบได้เงินเดือน 6 เดือนเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และการผลักดันให้การรักษาภาวะมีบุตรยากเป็นสิทธิประโยชน์

ดร.เจนจิรากล่าวต่อว่า 3.กลุ่มผู้สูงอายุ เสนอให้จัดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบไปเช้าเย็นกลับ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมสันทนาการร่วมกัน แจกผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แผ่นรองซับ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มีแอปพลิเคชันอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ การหาคนทำความสะอาดบ้าน ช่างซ่อมแซมบ้าน ที่ปรึกษาด้านสุขภาพทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอให้สิทธิคนดูแลผู้สูงอายุลาเพื่อพาผู้สูงอายุไปพบแพทย์ ให้สิทธิลดหย่อนภาษีที่มากกว่าคนทั่วไป การยืดหยุ่นเวลาทำงาน การให้สิทธิทำงานจากบ้าน หรือเวิร์กฟรอมโฮม ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้จะมีการเสนอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณา เพื่อผลักดันให้เป็นรูปธรรมต่อไป

...

ทางด้าน นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การจัดกิจกรรม Sod Smart เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างครอบครัวคุณภาพ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการจับคู่ให้กับกลุ่มคนโสด ผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่าร้อยละ 98.3 อยากให้กรมอนามัยจัดกิจกรรม Sod Smart อีก ดังนั้น จึงค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า การมีกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ทำให้คนโสดได้มีโอกาสรู้จักกันเป็นโครงการที่ตรงใจกับคนโสด ส่วนเรื่องการได้คู่หรือไม่ได้คู่ขอให้เป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาส.