หัวข้อ “เรื่องเล่า” สวนลุมพินี ในรัชกาลที่ 6 “หนังสือเลาะวัง” (จุลลดา ภักดีภูมินทร์ สำนักพิมพ์แสงดาว พ.ศ.2565) ผมอ่านแล้ว อดใจไม่ไหว ต้องรีบเอามาขยายต่อ

ครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระราชทานที่ดินแปลงใหญ่ ตำบลศาลาแดง โปรดให้จัดสร้างเป็นสวนสาธารณะนั้น

ศาลาแดง ยังเป็นท้องทุ่งเสียส่วนใหญ่ เริ่มมีเจ้านายขุนนางมาสร้างวัง สร้างคฤหาสน์กันบ้าง

คฤหาสน์เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย อยู่มุมถนนสีลม

วันหนึ่งรัชกาลที่ 6 เสด็จเป็นการลำลอง ทรงขับรถยนต์ส่วนพระองค์เข้าไปในบริเวณสวนลุมพินี ที่อยู่ระหว่างปรับพื้นที่ บางแห่งรกร้าง บางแห่งเป็นท้องทุ่ง เป็นสวน

ถนนยังไม่มี ทรงจอดรถแล้วเสด็จพระราชดำเนินไปตามกองดินที่มีคนงานกำลังขุดถมกันอยู่

ทรงหยุดที่คนงานกลุ่มหนึ่ง ตรัสถาม “ได้ค่าจ้างวันละเท่าไหร่” คนหนึ่งตอบ “ได้วันละสามสลึงเท่านั้นแหล่ะนาย” “ได้เท่านั้น มันจะพอกินละรึ!”

คนงานกราบบังคมทูลโดยไม่รู้ว่าพูดอยู่กับผู้ใด “เขาว่า หลวงท่านจ่ายวันละ 1 บาท แต่นายเขาชักเอาไว้เสีย 1 สลึง” ในหลวงถึงกับทรงอึ้ง เมื่อคนงานกราบบังคมทูลฟ้องต่อ

“ไอ้นั่น ลูกมันจะตาย ขอค่าแรง (3 สลึง) ล่วงหน้าไปวันเดียว นายเขาให้ทำหนังสือขอยืม คิดดอกเบี้ยตั้งวีกละ 1 สลึง”

“เรื่องนี้ เจ้าคุณหัวล้านรู้บ้างหรือเปล่า?” ตรัสถาม

คำตอบคือ “ไม่กล้า กลัวว่าเขาจะไล่ออก”

ทรงซักไซ้ไล่เลียง จนพอได้ความว่า เจ้าคุณหัวล้าน หรือเจ้าพระยายมราชคงไม่รู้เรื่อง จ่ายค่าแรงให้เต็มบาท แต่พวกนายงาน ที่รับช่วงมาเป็นทอดๆ ชักเงินเป็นค่าหัวคิวเข้าพกเข้าห่อกันเอง

...

แต่กระนั้น ท่านเจ้าพระยาก็น่าจะต้องมีส่วนรับผิดชอบบ้าง พระเจ้าอยู่หัวเสด็จจากพวกคนงานไปอย่างกริ้วๆ ทรงขับรถยนต์ตรงไปยังบ้านเจ้าพระยายมราช

โดยปกติที่ทรงมาบ้านนี้เป็นประจำก็จะเสด็จขึ้นเรือน แต่คราวนี้ความที่ยังทรงกริ้ว เจอเจ้าพระยานุ่งผ้าขาวม้ารดน้ำต้นไม้ ทรงเรียกมาตรัสด้วยที่กลางสนาม

มีพระราชกระแสให้เจ้าพระยาหาตัวนายงานที่โกงค่าแรงมาลงโทษโดยเร็ว

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกคนงานก็ได้รับเงินค่าแรงเต็มบาท ไม่มีเสียงปรับทุกข์ว่าหาได้ไม่พอกินมาเข้าหูใครผู้ใดอีก

เรื่องเล่าเรื่องนี้ เล่าต่อๆกันมาในหมู่ข้าราชบริพารแพร่หลายออกไปเป็นทำนองว่า เป็นเรื่องจริงที่พระเจ้าอยู่หัวตรัสเล่าให้ฟังเอง

เรื่องเล่าค่าหัวคิวค่าแรงในสวนลุมพินี...คนงานเล่าให้พระเจ้าอยู่หัวฟัง โดยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร โบราณใช้สำนวนว่า จุดไต้ตำตอ

ต่างจากข่าวจับอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่เจอทั้งเงินทั้งเอกสารหลักฐานในห้องทำงาน ที่คนโบราณใช้คำว่า คาหนังคาเขา ผมฟังจากข่าวทีวีอีกที เขาวิจารณ์กันทำนองว่า

ท่านนายกฯไม่ได้ไปเห็นด้วยตาท่านเอง ท่านจึงดูเฉยเมยกระไรๆอยู่

ฝ่ายค้านเขาคงไม่เฉยไว้ ท่านจะแก้ตัวท่าไหน ผมยังนึกแทนไม่ออก

เรื่องแบบว่าสำนวนโบราณว่า งามหน้าทั้งห้าไร่ ถ้าท่านนายกฯเฉยได้ ท่านก็อย่าออกแรงไปลงเลือกตั้งให้เสียเวลากลับบ้านไปเลี้ยงหลานดีกว่าเยอะเลย.

กิเลน ประลองเชิง