หลังจากที่รัฐบาลประกาศให้โควิด-19 เปลี่ยนจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง เมื่อการแพร่ระบาดเริ่มซาลง ไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่เริ่มทยอยเดินทางเข้ามา ทำให้คนไทยเริ่มมีความหวัง จะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีถึงกับให้เกียรติไปต้อนรับนักท่องเที่ยวคนที่ 10 ล้านถึงสนามบิน
แต่แล้วก็มีข่าวร้ายในลักษณะว่า โควิดกลับมาระบาดอีกในช่วงวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 5 พฤศจิกายน มีผู้ป่วย 2,759 ราย เสียชีวิต 40 ราย ช่วงเวลา 20 ถึง 26 พ.ย. มีผู้ติดเชื้อ 4,914 คน เสียชีวิต 74 คน กรมควบคุมโรครายงานว่า ระหว่างวันที่ 4 ถึง 10 ธ.ค. มีผู้ป่วย 3,961 คน เข้ารักษาที่โรงพยาบาล เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 649 คน ใช้ท่อหายใจ 385 คน เสียชีวิต 107 คน
มีผู้ติดเชื้อโดยเฉลี่ยวันละ 566 คน เสียชีวิตวันละ 15 คน เปรียบเทียบกับที่ผ่านมา แม้ยอดผู้ป่วยที่เข้ารักษาที่โรงพยาบาลจะลดลงเล็กน้อย แต่ผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ใช้ท่อหายใจ และผู้เสียชีวิตกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นครราชสีมาเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น และเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 2 ราย ตัวอย่างของผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 54 ปี ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ชายอายุ 84 ปี ไม่ได้ฉีดวัคซีน ชายอายุ 61 ปี ไม่ฉีดวัคซีน หญิงอายุ 89 ปี ไม่ฉีดวัคซีน ชายอายุ 43 ปี ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม 2 เข็ม ส่วนใหญ่สูงอายุหรือไม่ฉีดวัคซีน
นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รอง ผอ.โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แถลงว่า ตอนนี้โควิดกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง มีผู้ป่วยรักษาที่โรงพยาบาลวันละ 300 คน เห็นได้ชัดว่าโควิดยังอยู่กับเรา ไม่ได้หายไปไหน ประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่นและจีนยังระบาดอยู่ ที่ประเทศจีนมีประชาชนลุกฮือประท้วงนโยบาย “โควิดซีโร่” ทั่วประเทศ
แต่การกลับมาอีกครั้งของโควิดขณะนี้ ไม่ใช่การแพร่ระบาดใหญ่เหมือนในอดีต นพ.ยง ภู่วรวรรณ แห่งคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า โควิด-19 ในไทยขณะนี้ เป็นไวรัสประจำฤดูกาล ออกมาระบาดปีละ 2 ครั้ง คือช่วงมิถุนายนถึงกันยายน และพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์
...
เป็นไวรัสที่วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้ แต่วัคซีนทำให้ไม่ป่วยหนัก และป้องกันการเสียชีวิตขณะนั้น จึงขอเชิญชวนผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องรีบไปรับบริการเร่งด่วน ประเทศไทยผ่านประสบการณ์เรื่องการควบคุมโควิดมามาก จึงเชื่อว่าจะผ่านช่วงการแพร่ระบาดได้ดี แต่ทุกคนจะต้องไม่ประมาท ไม่การ์ดตก ดูแลตนให้พ้นภัยโควิด.