ผมติดเชื้อ “โควิด–19” มีอาการไข้ขึ้นเล็กน้อย และไอ–จามเล็กน้อย กักตัวอยู่ที่บ้านครบ 7 วันพอดีเลยครับ
เริ่มรู้สึกไอค้อกไอแค้กเล็กน้อยก่อนเข้านอน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคมนี่เอง จากนั้นก็ตื่นมารู้สึกปวดหัวหนึบๆ ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคมรุ่งขึ้น
ก่อนหน้านั้น 2 วันคณะของครอบครัวเรา ซึ่งมีการรวมตัวครั้งใหญ่ไปพักผ่อนที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี...เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันแล้ว ก็ยังส่งไลน์ส่งข่าวถึงกันอย่างสม่ำเสมอ
พบว่าในกลุ่มที่ไปร่วมสนุกกันคราวนี้มีคนติดเชื้อโควิด-19 แบบมีอาการเล็กน้อยกลับมา 2 คน ขอให้ทุกคนรีบตรวจ ATK ด่วน
จากนั้นอีก 1 วัน...คราวนี้คนใกล้ตัวของผมเลย หลานสาวคนโปรดมาก มาค้างบ้านผมทีไรจะต้องนอนคั่นกลางระหว่างผมกับภรรยาเสมอๆ รวมทั้งกลับจากสวนผึ้งครั้งนี้ด้วย
เธอปวดหัวไข้ขึ้นรีบส่งไปตรวจที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าเจอแจ็กพอตอย่างจังติดโควิด-19...หมอจ่ายยาให้กลับไปรักษาและกักตัวที่บ้าน โดยให้เหตุผลว่าเด็กเป็นง่ายหายง่าย ไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาล
พอข่าวนี้มาถึงผม...ก็หลับตาบริกรรมเตรียมรับสถานการณ์เลย เพราะนอนอยู่ด้วยกันมา 2 คืนแล้ว เห็นทีเราจะรอดยากแล้วละ
ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเกิดอาการไอแค้กๆช่วงคืนวันเสาร์ (22 ต.ค.) และปวดหัวหนึบๆ ช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น
ผมตัดสินใจไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งทันที
ปรากฏว่าเป็นครับ...ขึ้น 2 ขีดเป็นข้าราชการ “ชั้นโท” ชัดเจนเลย ...แต่ทางโรงพยาบาลดูอาการแล้วบอกว่ากลับไปรักษาที่บ้านได้ เดี๋ยวจะจ่ายยาให้ และเพื่อความชัวร์จึงเอกซเรย์ปอดดูอีกครั้ง
เอกซเรย์เสร็จ พบว่าปกติดี เขาก็จ่ายยามา 1 ชุด...มี โมลนูพิรา เวียร์ ขนาด 200 กรัม เป็นยาหลักรวม 40 แคปซูล...นอกนั้นก็มีพารา เซตามอล, มียาฟู่ละลายเสมหะ, ยาแก้น้ำมูกไหล แล้วก็สเปรย์ฉีดลำคอ เพื่อให้ชุ่มคอและอาจระงับการไอได้ด้วย หลอดเล็กๆ
...
กำชับว่ารักษาตามอาการนะครับคุณลุง ปวดหัวค่อยกินพารา ไอก็ฉีดสเปรย์ เสมหะเยอะก็กินยาขับเสมหะ
แต่ที่ลุงจะต้องกินทุก 12 ชั่วโมง คือเจ้า โมลนูพิราเวียร์...อย่าลืม ก็แล้วกัน...จากนั้นฝ่ายการเงินก็มาคิดค่าบริการรวมทั้งสิ้น 4,000 กว่าบาท
กลับถึงบ้านผมเข้าไปขังตัวเองอยู่ในห้องทำงาน ตั้งใจปักหลัก นอนค้างไปด้วยเลย...ตอนบ่ายๆรู้สึกไข้ขึ้นนิดหน่อยเลยอัดพาราไป 1 เม็ด และฉีดสเปรย์ใส่ลำคอไป 3-4 ครั้ง แป๊บเดียวไข้ก็ลดสามารถเขียนคอลัมน์ได้ 1 คอลัมน์โดยไม่มีปัญหาใดๆ
ตกกลางคืนกลับมาปวดหัวอีกหน่อยก็อัดพาราไปอีก 1 เม็ด แล้ว อาการปวดและไข้ก็หายไปเช่นเคย
รุ่งขึ้นวันจันทร์ยังปวดอยู่หน่อยๆ เลยกินพาราไปอีกเม็ดอยู่ได้ ตลอดทั้งวัน และเขียนคอลัมน์ได้อีก 1 คอลัมน์ตามปกติ
พอวันอังคารไม่มีอาการปวดหัวก็เลยไม่ต้องกินยาอะไรอีก นอกจาก “โมลนูพิราเวียร์” ที่ต้องรับประทานให้หมดตามหมอสั่ง
วันพุธ (26 ต.ค.) เช้ารู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นเยอะเลยลองตรวจ ATK ดู...ปรากฏว่าลดมาเหลือขีดเดียว จาก “ชั้นโท” กลับมาเป็น “ชั้นตรี” ตามเดิม...แปลว่า หายแล้ว! ต่อมาอีก 2 วัน วัดทุกๆเช้า ก็เป็น “ชั้นตรี” ขีดเดียวตลอด...เฮ้อ! โล่งใจไปที
ในที่สุดหลังจากเอาตัวรอดมาได้ตลอด 2 ปีเศษ (ฉีดวัคซีนไป 4 เข็ม แอสตรา 2 ไฟเซอร์ 2) ผมก็มาพลาดเป็นโควิดกับเขาจนได้
แต่โชคดีที่เป็นอยู่แค่ 3 วัน ก็หายเป็นปกติ รวมทั้งในวันที่นั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ก็ดูเป็นปกติดี...ส่วนว่าจะเป็น “ลองโควิด” หรือไม่อย่างไรในระยะยาวค่อยว่ากัน ช่วงนี้ขอมีความสุขกับระยะสั้นไปก่อน
ขอนำประสบการณ์มา “แชร์” เช่นเคยครับ เพื่อเป็นการยืนยันว่าโควิด-19 ยังระบาดอยู่ และยังติดง่ายมาก เพียงแต่ถ้าเราฉีดวัคซีนครบโดสจะช่วยได้มาก...ฉะนั้นใครยังไม่ได้ฉีด ขอให้รีบไปฉีดโดยด่วน
สรุปของสรุป...ล่าสุดหายเรียบร้อย ทั้งปู่ ทั้งหลาน...ก็เลยนัดกันจะไปฉลองตำแหน่ง “ชั้นตรี” (ATK ขีดเดียว) ด้วย “หมูกระทะ” ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ มะรืนนี้ครับ.
“ซูม”