คดี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งรวบ 11 เจ้าหน้าที่รัฐทุจริตตรวจสอบเรือขาเข้า-ขาออกประเทศลักลอบทำการประมงผิดกฎหมาย ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2564 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ พร้อมตำรวจชุดปฏิบัติการประมง ร่วมกับ ศรชล. จับกุมเรือประมงปลอมแปลงสัญชาติ ลักลอบทำประมงโดยผิดกฎหมาย หรือ IUU 5 ลำ
ดำเนินคดีเจ้าของเรือและลูกเรือรวม 22 ราย ในความผิดกรณีลักลอบเข้ามาในน่านน้ำไทย ปิดบังและเปลี่ยนแปลงชื่อเรือและสัญชาติจากมาเลเซียเป็นสัญชาติอินโดนีเซีย ต่อมาศาลพิจารณาคดีเกี่ยวกับเรือประมงไปแล้ว 3 ลำ โดยสั่งริบเรือประมง และปรับเงินจำนวนกว่า 20 ล้านบาท ส่วนอีก 2 ลำอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี
เรือประมงที่ยึดไว้ทั้ง 5 ลำเก็บรักษาไว้ที่กรมศุลกากรจังหวัดสงขลา ได้เข้าสู่กระบวนการประมูลเรือขายทอดตลาดของกรมศุลกากร แต่หลังจากที่เรือประมงทั้ง 5 ลำถูกประมูลไปแล้วกลับฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของเจ้าหน้าที่ ลักลอบเดินทางออกไปยังน่านน้ำประเทศมาเลเซีย ตำรวจประสานทางการมาเลเซีย
จับกุมเรือประมงทั้ง 5 ลำ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผอ.ศพดส.ตร. ขยายผลเรือประมงทั้ง 5 ลำ ซึ่งกระทำผิด IUU ได้ถูกประกาศเป็นเรือประมงที่ถูกใช้ทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
มีกำหนดเวลาห้ามใช้เรือประมงทำการประมงเป็นเวลา 5 ปี ถูกนำมาลักลอบใช้ทำผิดอีกได้อย่างไร
สืบทราบว่านายประเสริฐ ผู้แทนเรือ (ชิปปิ้ง) ทั้ง 5 ลำเป็นตัวการประสานนำเรือเข้าออกใช้ทำผิด มีผู้ร่วมทำผิด 13 ราย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์สั่งขยายผลมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่เนื่องจากผู้ต้องหาคงไม่กล้านำเรือออก
...
ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจ
ตำรวจรวบรวมหลักฐานเส้นทางการเงินของนายประเสริฐ ทราบเพิ่มเติมจากนายประเสริฐว่า นายประเสริฐประสานกับเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนเพื่อดำเนินการเสนอผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในขั้นตอนการตรวจเรือเข้าและออกราชอาณาจักร
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์สั่งให้รวบรวมหลักฐานขอออกหมายจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐทันที 11 ราย
แยกเป็นตำรวจ ตม. 6 นาย เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า 3 นาย เจ้าหน้าที่ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ 2 นาย ความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน และได้รับมอบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 11 ราย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ที่ต้องแบกรับภารกิจสำคัญในการปราบการ “ค้ามนุษย์” สั่งให้เร่งดำเนินคดีเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อื่น เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำมาอีก
ทำให้นานาประเทศเห็นว่าไทยเอาจริงปราบประมงผิดกฎหมาย.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th