ตามที่มีข่าวตรวจพบการปนเปื้อนสารอะคริลาไมด์ในกาแฟคั่ว 12 ยี่ห้อ และกาแฟสำเร็จรูป 15 ยี่ห้อ ในปริมาณที่แตกต่างกันซึ่งพบปริมาณสูงสุดที่ 954.47 ไมโครกรัม/กิโลกรัม และเกินเกณฑ์ของสหภาพยุโรปนั้น ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สารอะคริลาไมด์เป็นสารที่เกิดขึ้นระหว่างการปรุงอาหารเมื่อมีการให้ความร้อนสูงในอาหารบางชนิด เช่น การคั่วเมล็ดกาแฟ ไม่ใช่สารที่ผู้ผลิตเติมเข้าไปในอาหารหรือเกิดจากการผลิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลรายงานความเป็นอันตรายของสารอะคริลาไมด์ในมนุษย์ที่ชัดเจน สำหรับคนปกติทั่วไปสามารถดื่มกาแฟได้ 2-3 แก้วต่อวันโดยไม่เกิดอันตรายจากสารอะคริลาไมด์ อีกทั้งสารอะคริลาไมด์จะถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง ทางปัสสาวะ จึงไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงจากการสะสมหรือเกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวแม้ผู้บริโภคจะดื่มกาแฟเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม เพื่อสุขภาพที่ดี ผู้บริโภคควรบริโภคอาหารที่สดใหม่ หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม และออกกำลังกายสม่ำเสมอ.