จากกระแสข่าวที่เรารับรู้มาอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับการควบรวมกิจการระหว่างผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการลงทุน เริ่มจาก อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ (Eastspring Investments) ที่มีชื่อเสียงในตลาดการลงทุนระดับโลกมามากกว่า 25 ปี จับมือกับอีก 2 ผู้เชี่ยวชาญในเมืองไทย ทั้ง บลจ.ทหารไทย (TMBAM Eastspring) และ บลจ.ธนชาต (Thanachart Fund Eastspring) ที่นักลงทุนไทยคุ้นเคย เกิดเป็นชื่อใหม่ “บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย)” ที่ถูกจับตา และเป็นปรากฏการณ์ที่มาพร้อมคำถามในใจนักลงทุนไทยว่า เรากำลังจะได้อะไรจากการผนึกกำลังกันในครั้งนี้

ทำไมต้องเป็น “อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์”

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา เหล่านักลงทุนต่างจับตามองการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของ “บลจ. อีสท์สปริง (ประเทศไทย) หรือ “บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด” ภายหลังการผนึกกำลังกันเสร็จสมบูรณ์ แต่ก็มีคำถามจากนักลงทุนไทยบางกลุ่ม ว่าทำไมต้องเป็น “อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์” ความกังขานี้จะหมดไป เมื่อได้ทราบว่านี่คือส่วนหนึ่งจากความแข็งแกร่งที่ก่อสร้างมายาวนาน ในฐานะบริษัทภายใต้บริษัทชื่อดังระดับโลกอย่าง “Prudential plc” บริษัทประกันชั้นนำผู้มีชื่อเสียงบนเวทีโลก

ที่ผ่านมา “อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์” ได้ทำหน้าที่บริหารจัดการเงิน ทั้งของ “Prudential plc” ไปพร้อมกับบริหารจัดการเงินของบุคคลทั่วไปในนาม บลจ. โดยมีฐานหลักอยู่ในภูมิภาคเอเชีย โดยเมื่อปี 2561 อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ได้เริ่มต้นทำธุรกิจในประเทศไทย ผ่านการซื้อหุ้น บลจ.ทหารไทย ในสัดส่วน 65% เป็นที่มาของชื่อ “TMBAM Eastspring” และในปี 2562 ก็ได้เข้าซื้อหุ้น จาก บลจ.ธนชาต ในสัดส่วน 50.1% พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนในฐานะ “Thanachart Fund Eastspring” โดย อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ เองก็เติบโตขึ้น จนถึงวันนี้ หากรวมทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการของทั้ง บลจ.ทหารไทย และ บลจ.ธนชาต ภายหลังการผนึกกำลังกันของ 3 ยักษ์ในครั้งนี้ ก็ได้ทำให้ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ผงาดขึ้นมาเป็น บลจ.อันดับ 6 ของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกองทุนรวมหลังควบรวมกิจการในตลาดเป็นร้อยละ 7 และมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการสุทธิ (Asset under management หรือ AUM) อยู่ที่ 342,390 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2565) (ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย)) จึงไม่ต้องสงสัยถึงความแข็งแกร่ง และโอกาสสู่การเติบโตที่จะเกิดขึ้น


นักลงทุนไทยจะได้อะไร จากการผนึกกำลังครั้งนี้

ที่แน่ๆ วันนี้ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ได้กลายเป็น บลจ. ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ เรียกได้ว่าเป็น “Global Expertise” ที่ยังมี “Local Insights” กล่าวคือ มีความเชี่ยวชาญระดับโลก ในขณะเดียวกันก็เข้าใจตลาดในประเทศ จากส่วนผสมใหม่ในความเป็นทั้ง บลจ.ทหารไทย และ บลจ.ธนชาต อยู่ในตัวเอง ที่มีความรู้ความเข้าใจในคนไทย และตลาดการลงทุนไทย มากว่า 30 ปี ขณะเดียวกันก็ยังมีความโดดเด่นอีกหลายเรื่อง ภายใต้การรวมตัวกันของ 3 ผู้เชี่ยวชาญแห่งวงการในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่จะนำนักลงทุนไทยไปพบกับความสำเร็จในความต่างถึง 3 ด้าน

1) ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์

กองทุนของ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จะมีผลิตภัณฑ์ (Core Product) ที่มีความหลากหลายให้ได้เลือก ทั้งกองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ และกองทุนรวมต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบัน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสุทธิ (AUM) ของกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) โดยรวมกว่า 106,950 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2565) รั้งอันดับ 3 ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนในไทย (ที่มา: Morningstar) กองทุนเด่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ TMBGQG – ลงทุนหุ้นทั่วโลก, TMBGINFRA - ลงทุนในหุ้นโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เป็นต้น

ขณะเดียวกัน การออกกองทุนใหม่ของ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ในแต่ละครั้ง ยังมีวิธีการเลือกหุ้น ตราสารหนี้ และ Master Fund ที่ถือว่าไม่ธรรมดาเลย เนื่องจากได้ผ่านกระบวนการที่มีความละเอียดรอบคอบรัดกุมตามมาตรฐานระดับสากล ที่ใส่ใจตั้งแต่นโยบายการเลือกสินทรัพย์ของผู้จัดการกองทุนแต่ละคน


พร้อมมีกองทุนที่น่าสนใจอีกมาก จากความเชี่ยวชาญ และความสำเร็จมากมายบนเวทีต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ การได้รับรางวัลกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ TMBAM M Choice ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ประเภทกองทุนร่วม (Pooled Fund) ดีเด่น จากสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่ได้รับต่อเนื่องมา 6 ปีติดต่อกัน (ปี 2558-2563) ที่ช่วยการันตีการบริหารจัดการกองทุนของ TMBAM Eastspring ได้ดี รวมถึงได้รับเลือกให้เป็น Best RMF Fixed Income กองทุนรางวัล Morningstar 2022 ที่มีเบื้องหลังความสำเร็จ มาจากการผนึกกำลังกันระหว่าง TMB Eastspring และ Thanachart Eastspring เป็นต้น

*คำเตือน : ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

2) จุดแข็งเรื่อง Global Expertise, Local Insights

ความที่ อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ แข็งแกร่งจากความเชี่ยวชาญในตลาดเอเชีย และตลาดโลกอย่างลึกซึ้ง มามากกว่า 25 ปี จากการเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลกภายใต้กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล ก็ทำให้เกิดจุดแข็งจากความเข้าใจในตลาดระดับโลก แนวทางนี้สะท้อนถึง บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) อย่างชัดเจน โดย บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เชื่อเรื่องการจัดสรรพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย หรือ Asset Allocation ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีในระยะยาว เนื่องจากไม่มีสินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพตลาดและภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ยิ่งทำให้การกระจายการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ ทางบลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงได้ร่วมมือกับอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ สิงคโปร์ ที่เชี่ยวชาญการบริหารพอร์ตการลงทุน Multi-asset ในสินทรัพย์ทั่วโลกมายาวนาน และมีระบบที่ช่วยจัดพอร์ตการลงทุนและการตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้มีแผนที่จะร่วมกันนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมการลงทุนใน Multi-asset ที่จะออกสู่ตลาด

และไม่เพียงความเชี่ยวชาญระดับโลก แต่ความเข้าใจภายในประเทศก็นำไปสู่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ ที่น่าเอ่ยถึง อาทิ บริการจัดพอร์ตสำเร็จรูป “ttb smart port” สำหรับนักลงทุนที่อาจไม่เชี่ยวชาญเรื่องลงทุน และนักลงทุนที่ไม่มีเวลา ซึ่งถือเป็นการช่วยจัดสรรสินทรัพย์ที่นักลงทุนควรจะต้องลงทุน ให้อัตโนมัติ แถมยังเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ด้วย ขณะเดียวกันก็มีฟังก์ชันเลือกแผนการลงทุนได้ตามผลตอบแทนที่คาดหวัง โดยหลังจากการเปิดขายครั้งแรก เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา สามารถระดมทุนได้ประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาท จนปัจจุบันผ่านมา 1 ปีมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวม 22,936 ล้านบาท (ข้อมูล เดือนมิถุนายน 2565) (ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย)) คาดว่ากองทุน ทีทีบี สมาร์ท พอร์ต (ttb smart port) จะเป็นกองทุนหลักอีกหนึ่งกองทุนของบลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ในอนาคตด้วย

ไม่ผิดเลยหากจะเอ่ยว่า อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ เป็น บลจ. ลูกครึ่ง แต่ในความเป็น บลจ. ลูกครึ่งแบบนี้ ก็นับเป็นเสน่ห์และให้ประโยชน์ได้จากการที่มีข้อมูลข่าวสารและความรู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างลึกซึ้ง จนสามารถทำ Asset Allocation หลากหลาย โดย บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ยังมุ่งเน้นการให้ความรู้และคำแนะนำในการลงทุน รวมถึงรายงานข้อมูลต่างๆ ทั้งผลิตภัณฑ์ และการวิเคราะห์ตลาดกับผู้ลงทุน ในรูปแบบต่างๆ ไปพร้อมกันอีกด้วย เช่น การจัดสัมมนาออนไลน์ FB Live และการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างต่อเนื่อง

3) Health และ Wealth จะเดินไปด้วยกัน

การดูแลลูกค้าทั้งในด้านสุขภาพและความมั่งคั่ง (Health and Wealth) จะกลายเป็นเรื่องหนึ่งที่โดดเด่นมากของ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จากการเป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัทพรูเด็นเชียล ซึ่งเป็นบริษัทประกันชั้นนำของโลก โดยนำไปสู่จุดแข็งในการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถตอบโจทย์ของลูกค้า ทั้งการสร้างความมั่งคั่ง และการดูแลด้านสุขภาพไปพร้อมกันได้ ซึ่งปัจจุบันก็มีประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-linked) ที่ครอบคลุมทุกสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนผ่านพรูเด็นเชียลทั้งหมด 16 กองทุน และยิ่งไปกว่านั้นยังมีการร่วมมือกันเพื่อยกระดับการบริการด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกด้วย โดย บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดและนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนให้แก่คนไทยอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อเสริมจุดแกร่งนี้ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ด้วยความเชื่อมั่นว่า สุขภาพกายและสุขภาพการเงินเป็นเรื่องสำคัญไม่ต่างกัน

ด้วยการเปลี่ยนแปลง 3 ด้านหลักนี้ ก็น่าจะช่วยตอบคำถามได้อย่างดีว่า ทำไมการผนึกกำลังกันของ 3 ผู้เชี่ยวชาญในวงการการเงินการลงทุนในครั้งนี้ จึงเขย่าวงการได้อย่างมาก แล้วคุณพร้อมหรือยัง สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้

ทำความรู้จัก บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เพิ่มเติมได้ที่ https://www.eastspring.co.th/landing/

โทร. 1725
Line : @Eastspringth
Facebook : Eastspring Thailand
YouTube : Eastspring Thailand