รศ.นพ.ยงชัย นิละนนท์ ประธานศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า โรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรก เมื่อเป็นแล้ว จะพบสัดส่วน 5% เสียชีวิต 70% พิการ มีเพียง 25% ที่หาย แต่หายแล้วก็ยังมีรอยแผลในสมองที่อาจส่งผลทำให้เกิดปัญหาเชิงการคิด การตัดสินใจ รวมทั้งปัญหาความจำ เพราะฉะนั้นจึงไม่หายปกติเสียทีเดียว ประเทศไทยพบผู้ป่วยสโตรก 1,880 คนต่อประชากรแสนคน หรือประมาณ 2% เป็นสโตรกชนิดที่มีอาการ ที่แสดงออกคือ อ่อนแรงครึ่งซีก ชาครึ่งซีก ปากเบี้ยวพูดไม่ได้ ขณะที่อีก 5 เท่าหรือ 10% เป็นสโตรกที่ไม่มีอาการ รวมแล้วมี 12% แนวโน้มน่าจะมีมากขึ้น เนื่องจากสังคมไทยได้เข้าสู่สังคมสูงอายุ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคนี้ รวมถึงโรคอ้วน โดยเฉพาะในกลุ่มไม่มีอาการมีความเสี่ยงอย่างมากที่อาจจะปะทุขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นคนปกติก็ไม่ควรชะล่าใจ
รศ.นพ.ยงชัยกล่าวว่า สโตรกรักษาได้แต่ต้องเร็ว การรักษาสามารถใช้การฉีดยาสลายลิ่มเลือด แต่คนไข้สโตรกประมาณ 10-20% เท่านั้นที่ได้รับการฉีดยาสลายลิ่มเลือด อีกวิธีคือการใส่สายสวน ซึ่งยิ่งยากลำบากมากขึ้น มีเพียงไม่ถึง 1% เท่านั้น การรักษาทำได้แต่ก็มีข้อจำกัดมาก และจำนวนน้อยที่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วทันที เพราะฉะนั้นจึงต้องหันมามองในแนวทางป้องกัน ซึ่งสโตรกป้องกันได้ถึง 90% หากสามารถปฏิบัติได้ 2 ข้อจะป้องกันได้สูงถึง 80% ข้อแรกคือการรักษาความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดโอกาสเกิดสโตรกได้ถึง 48% ข้อสองคือการออกกำลังกาย ป้องกันได้ถึง 36% เพราะฉะนั้นหากรักษาความดันได้ดีและออกกำลังกาย สโตรกจะลดลงไปถึง 80% จึงอยากย้ำว่าสโตรกถึงเวลาที่ต้องป้องกัน ถ้าไม่ป้องกันภัยคุกคามจะเข้ามาในชีวิต.