ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวในงานพิธีมอบรางวัลเกียรติยศ Money & Banking Awards 2022 ของ วารสาร การเงินธนาคาร เมื่อวันพุธที่ผ่านมาถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยว่า วันนี้เราเห็นว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิดชัดเจนขึ้น และคาดว่า การฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แม้เราจะยังต้องเจอกับ ปัญหาเงินเฟ้อที่สูงขึ้น รวมถึงความท้าทายจากการปรับนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ที่ทำให้ตลาดการเงินและตลาดทุนของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่รวมถึงไทยต้องผันผวนสูง แต่ระบบการเงินและสถาบันการเงินของไทยยังมีศักยภาพที่เข้มแข็ง มีเสถียรภาพและทำงานได้ตามปกติ

บริบทเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปมาก เมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติโควิด ทำให้ทุกภาคส่วนนิ่งเฉยไม่ได้ ต้องปรับตัว

ในส่วนของ นโยบายและมาตรการทางการเงิน ก็ต้อง ปรับให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจการเงิน และ สมดุลกับความเสี่ยงใหม่ที่ให้นํ้าหนักกับเงินเฟ้อมากขึ้น โดย เน้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ต่อเนื่องไม่สะดุด ขณะเดียวกัน ภาคการเงินและภาคธุรกิจก็ต้องปรับกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มความทนทานและรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ซึ่งผลงานของทุกท่านที่ได้รับรางวัลในปีนี้ สะท้อนถึงศักยภาพขององค์กรในภาคการเงินและธุรกิจของไทย ที่สามารถเรียนรู้ ปรับตัว และพัฒนาตนเองได้อย่างทันการณ์

เมื่อตีความคำพูดของ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ที่บอกว่า นโยบายและมาตรการทางการเงิน ต้องปรับให้สอดคล้องและสมดุลกับ “ความเสี่ยงใหม่” ที่ให้นํ้าหนักกับ “เงินเฟ้อ” มากขึ้น โดยเน้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด แปลความได้ว่า แบงก์ชาติจะมีการ “ขึ้นดอกเบี้ย” ในการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในครั้งต่อไป เพื่อควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้สูงเกินไป แต่จะไม่ขึ้นรุนแรงจนทำให้เศรษฐกิจสะดุด เงินเฟ้อไทยเดือนมิถุนายนขึ้นไปถึง 7.7% จาก 7.1% ในเดือนพฤษภาคม สูงกว่าที่คาดการณ์เฉลี่ย 6.2%

...

การประชุม กนง. นัดหน้าจะมีขึ้นในวันที่ 10 สิงหาคม ผมเชื่อว่า กนง.คงขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน แต่ไม่รุนแรงเหมือนธนาคารกลางสหรัฐฯ เกจิการเงินคาดกันว่า กนง.น่าจะขึ้นดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 0.25 แต่ทยอยขึ้นในการประชุมที่เหลือในปีนี้ จากร้อยละ 0.50 ไปที่ร้อยละ 1.25 ในปีนี้ ถือว่าไม่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐฯ มีคนวิตกว่า ดอกเบี้ยไทยตํ่ากว่าสหรัฐฯมาก จะทำให้เกิดเงินทุนไหลออก แต่นักวิเคราะห์แนะให้ดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ที่กำลังจะออกมาว่า มีกำไรเพิ่มขึ้นหรือลดลง ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้นมากน้อยแค่ไหน

ผมดูจาก ยอดส่งออกของไทย 5 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 12.9% ถือว่าสูงมากๆ คุณเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาห กรรมแห่งประเทศไทย ก็เพิ่งออกมาแถลง ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 86.3 จากระดับ 84.3 ในเดือนพฤษภาคม เป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยมีปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด ส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น และ ดัชนีอุตสาหกรรมคาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า ก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 97.5 เพิ่มขึ้นจากระดับ 96.7 ในเดือนพฤษภาคม ทุกอย่างดูดีไปหมด

ดังนั้น เงินทุนที่ไหลออก อาจไหลกลับเข้าไทยใหม่ก็ได้ถ้าผลประกอบการของ บริษัทจดทะเบียนไทยยังเติบโตดีมีกำไรดี ในขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯกลับมีความเสี่ยงมากขึ้น จาก ต้นทุนดอกเบี้ย และ เงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปี กำไรย่อมไม่ดีเหมือนเดิม ยิ่งเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ แอปเปิล กูเกิล เมตา ปรับลดพนักงานกันใหญ่ สัญญาณก็ยิ่งชัด เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย เงินทุนอาจทยอยไหลออก.

“ลม เปลี่ยนทิศ”