เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) มีการประชุมสภามหาวิทยาลัย มีวาระสำคัญคือการรับรองการสรรหาตำแหน่งอธิการบดี ที่จะหมดวาระลงในเดือน ส.ค.นี้ ปรากฏว่า “พระธรรมวัชรบัณฑิต (สมจินต์)” อธิการบดี มจร ได้รับการรับรองจากสภามหาวิทยาลัย ให้เป็นอธิการบดี มจร ต่ออีก 1 สมัยหลังจากที่ก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งมาแล้ว 1 สมัย

ด้านพระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มจร ในฐานะกรรมการสรรหาอธิการบดี และกรรมการสภามหาวิทยาลัย กล่าวว่า ที่ประชุมสภาฯ มีมติรับรองและเห็นชอบให้พระธรรมวัชรบัณฑิต ดำรงตำแหน่งอธิการบดีต่ออีกหนึ่งวาระ จากนี้ไปสำนักงานเลขานุการสภามหาวิทยาลัยจะได้เสนอขอรับ พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชเพื่อลงพระนามแต่งตั้งต่อไป ทั้งนี้ การดำรงตำแหน่งอธิการบดี มจร ไม่มีข้อกำหนดเรื่องวาระในการดำรงตำแหน่งอธิการบดี เพราะพระเถระที่เป็นผู้บริหารระดับสูงนี้หาได้ยาก กฎหมายจึงเปิดกว้างให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้หลายวาระ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่สภามหาวิทยาลัย รับรองให้พระธรรมวัชรบัณฑิตเป็นอธิการบดีต่ออีก 1 สมัย ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะผู้ที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีจะต้องเป็นต่อเนื่องติดต่อกัน 2 สมัย เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง แม้ว่าการทำงานที่ผ่านมาของพระธรรมวัชรบัณฑิตจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมชาว มจร ค่อนข้างมากก็ตาม เนื่องจากการทำงานค่อนข้างเป็นแบบรูทีน ไม่มีการสร้างงานใหม่ๆให้เกิดขึ้น ขณะที่บารมีก็ยังไม่กว้างขวางพอ ไม่มีเครือข่ายคอนเนกชัน แม้จะมาจากวัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่ได้ชื่อว่าเป็นวัดใหญ่อันดับต้นๆของประเทศก็ตาม ทั้งนี้ เนื่องจากพระธรรมวัชรบัณฑิตเป็นพระสงฆ์นักวิชาการที่ค่อนข้างเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร ที่สำคัญ เมื่อเทียบกับแคนดิเดตอีก 2 รูป ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดีคือพระเทพปวรเมธี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร จากวัดประยุรวงศาวาส และ พระเทพเวที รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มจร จากวัดสังเวช ทั้งยังเป็นเจ้าคณะภาค 6 ชื่อชั้นของพระธรรมวัชรบัณฑิตก็ไม่ได้เหนือกว่าแคนดิเดตทั้ง 2 รูปมากนัก.

...