นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีโลกโซเชียลเผยแพร่คลิปหนุ่มรายหนึ่งลากแฟนสาวไปทำร้ายร่างกาย กระทั่งพลเมืองดีมาช่วยพร้อมถ่ายคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ล่าสุดพลเมืองดีจะถูกชายที่ทำร้ายร่างกายผู้หญิงแจ้งความ โดยอ้างว่าละเมิดสิทธิตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ว่า โดยหลักการประชาชนที่พบเห็นเหตุการณ์การกระทำความรุนแรง เป็นเรื่องถูกต้องที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือเพื่อคลี่คลายปัญหา แต่การช่วยก็ต้องมีสติ อย่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตุความขัดแย้งด้วยอารมณ์หรือใช้ความรุนแรง เพราะเสี่ยงจะโดนตอบโต้กลับ อาจจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือการเรียก รปภ.หรือคนรอบข้างเข้ามาช่วยระงับเหตุ ขณะเดียวกันการถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้สามารถทำได้ เพื่อเป็นหลักฐานให้กับพนักงาน แต่ต้องพึงระวังการนำคลิปไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ เพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิตามกฎหมาย PDPA รวมถึง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 ก็มีบทบัญญัติคดีความรุนแรงในครอบครัวที่ยังไม่สิ้นสุดไม่สามารถนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณะได้

นายจะเด็จกล่าวด้วยว่า อีกแง่มุมที่มองว่าทำไมผู้หญิงที่ถูกกระทำยังเข้าข้างฝ่ายชายผู้กระทำผิดนั้น ไม่อยากให้สังคมมองแง่ลบกับผู้หญิงที่ถูกกระทำ เพราะเราอาจจะไม่เข้าใจเหตุผลเชิงลึกก็ได้ มูลนิธิฯพบปัญหาผู้หญิงที่ถูกกระทำเช่นนี้ค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่กับความขัดแย้ง อยู่ในภาวะจำยอม เนื่องจากมีเงื่อนไข เช่น การมีลูกด้วยกัน ไม่มีที่พึ่ง หรือมีปัญหาทางเศรษฐกิจ จึงต้องเข้าใจและอาจจะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา ส่วนปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่อยากให้มีการแจ้งความ แม้จะมีการไกล่เกลี่ยยอมความ แต่อย่างน้อยเป็นการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้กระทำว่าจะไม่ปฏิบัติตนด้วยการใช้ความรุนแรงต่อครอบครัวอีก หากกระทำอีกก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย.

...