พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.และ ผอ.ศปอส.ตร. พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รอง ผอ. PCT พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม.

ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งจีนไต้หวัน ใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการ หลอกลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี พบกลุ่มผู้เสียหายทั้งชาวจีนและจีนไต้หวันมากกว่า 500 ราย

ความเสียหาย 120 ล้านบาท

ชุดสืบสวน บก.สส.สตม.ตรวจสอบพบมีพฤติการณ์น่าสงสัยของชาวจีนไต้หวันกลุ่มหนึ่งเดินทางเข้ามาประเทศไทยด้วยวีซ่าทำงานใน มูลนิธิการกุศล แต่กลับเดินทางไปท่องเที่ยวรวมกันอยู่ในพื้นที่เกาะสมุย

ตรวจสอบหนังสือเดินทางโดยละเอียดพบว่า ผู้ที่เข้ามามีบุคคลที่มีหมายจับจากต่างประเทศ 2 คน ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนผ่านโทรศัพท์และระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต”

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ให้ตำรวจ PCT เฝ้าติดตามทราบว่าพักอาศัยอยู่ที่ตึกแถวในเขตประเวศ โดยเก็บตัวอยู่แต่ภายในตึกทั้งวันทั้งคืนไม่ออกไปไหนเป็นที่น่าสงสัย ก่อนรวบรวมหลักฐานขอหมายศาลค้นเป้าหมาย

พล.ต.ต.ธนิต นำหมายศาลบุกเข้าค้นตึกแถวพบตัวผู้กระทำผิด 6 ราย เป็นบุคคลตามหมายจับจีนไต้หวัน 2 ราย พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 7 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 45 เครื่อง

ตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและโทรศัพท์มือถือพบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์ร่วมกันหลอกลวงคนจีนไต้หวัน ในรูปแบบหลอกให้ร่วมลงทุนเหรียญสกุลเงินดิจิทัล และรับแลกเปลี่ยนเงินผิดกฎหมาย มีการแบ่งหน้าที่กันทำและใช้บัญชีธนาคารสัญชาติจีน

พบเส้นทางเงินไหลออกไป

จับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 1-4 ฐาน “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” ผู้ต้องหาที่ 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ส่วนผู้ต้องหาที่ 6 ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

หลังดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งหมดถึงที่สุดแล้ว บช.สตม.จะเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และผลักดันออกนอกประเทศ รวมถึงจะบันทึกข้อมูลบุคคลต้องห้ามไม่สามารถเข้ามาในราชอาณาจักรได้อีก

เป็นผลงานของตำรวจ PCT หรือ ศปอส.ตร. ที่เกิดจากความใส่ใจติดตามกลุ่มชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยที่เดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทย นำไปสู่การจับกุมแก๊งหลอกลวงชาวจีนไต้หวัน

...

...ใช้เมืองไทยเป็นฐานกระทำผิด.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th