หลังจากสารพันปัญหาเข้ามาถาโถมคนเลี้ยงหมู ไล่ตั้งแต่โรครุมเร้าทำให้ต้องเพิ่มต้นทุนในเรื่องของระบบควบคุมป้องกันโรคในฟาร์ม วัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาพุ่งแบบฉุดไม่อยู่ จากปัจจัยสำคัญสงครามรัสเซีย-ยูเครน ลามมาถึงการกักตุนหมูก่อให้เกิดความเดือดร้อนมาถึงผู้บริโภค ล่าสุดอากาศแปรปรวน ปัญหาภัยแล้งยังมากระหน่ำซ้ำเติม ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูต้องมีต้นทุนเพิ่มอีกทั้งในเรื่องค่าน้ำและค่าไฟ ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงสูงเป็นประวัติการณ์

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผยว่า หลังจากศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร คาดการณ์สถานการณ์ภัยแล้งปี 2565 อาจมีแนวโน้มขาดแคลนน้ำ โดยไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูแล้งตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม และอาจแล้งต่อเนื่องยาวนานไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม 2565 จะทำให้ปริมาณน้ำทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติ และแหล่งน้ำชลประทานแห้งลง ซึ่งผู้เลี้ยงประสบปัญหาภัยแล้งกันมาตลอด จากบทเรียนทุกปีที่ผ่านมา ทางเกษตรกรจึงกักเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับฤดูแล้ง

...

“ปีนี้อากาศค่อนข้างแปร ปรวนมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน หมูปรับตัวไม่ได้ เกิด ความเครียดสะสม ทำให้มีอัตราเสียหายมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้น ขณะเดียวกัน จากประสิทธิภาพในการทำให้โรงเรือนมีความเย็นในระดับคงที่ตามที่กำหนดไว้ บางฟาร์มใช้การปั่นมอเตอร์พัดลม โดยใช้น้ำมันต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่ม เพื่อให้ความเย็นในโรงเรือนอยู่ในระดับที่กำหนดไว้ จำเป็นต้องใช้น้ำมากขึ้นใช้ไฟฟ้าเดินระบบมากขึ้น ช่วงฤดูร้อนจึงเป็นช่วงที่ผู้เลี้ยงต้องดูแลหมูมากกว่าปกติ ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ต้นทุนการเลี้ยงเพิ่มขึ้น”

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการต้นทุนการผลิตสุกรได้ประเมินต้นทุนการผลิตสุกรขุนไตรมาส 2/2565 ที่ กก.ละ 98.81 บาท เป็นต้นทุนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออก เฉียงเหนือกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันราคาสุกรหน้าฟาร์มมีราคา กก.ละ 92-98 บาท เป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนแล้ว สำหรับความเสียหายของสุกรที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2564 ที่ผ่านมา และยังมีอัตราเสียหายจากการเลี้ยงที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวนดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันมีปริมาณสุกรขุนที่ออกสู่ตลาดขณะนี้ มีจำนวนลดน้อยลง และมีน้ำหนักต่อตัวต่ำกว่า 100 กก. ส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกรที่ต่ำลงตามไปด้วย

นายสิทธิพันธ์ กล่าวด้วยว่า หากประสบปัญหาแล้ง ผู้เลี้ยงจะมีค่าน้ำเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งปกติจะมีการใช้น้ำอยู่ที่วันละ 30-40 ลิตรต่อตัว จะทำให้มีค่าน้ำเพิ่มเป็น 300-600 บาทต่อสุกรขุน 1 ตัว หรือ 3-6 บาทต่อสุกร 1 กก. จากเฉลี่ยแล้ว ราคาน้ำต่อเที่ยวจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาทต่อน้ำ 1 หมื่นลิตร สำหรับฟาร์มขนาดเล็กต้องใช้น้ำราว 2 เที่ยวต่อวัน

ต้นทุนในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นถึงวันละ 6,000 บาท หากเป็นฟาร์มใหญ่ขาดแคลนน้ำมาก ต้นทุนจะสูงขึ้นมากขึ้นไปอีก กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบกับต้นทุนการเลี้ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.

...

กรวัฒน์ วีนิล