“เซียนแปะ”...ผู้ที่ศรัทธานับถือท่านอย่างมากจะไปไหว้ท่านทุกอาทิตย์ คนพื้นที่ไม่น้อยจะมีรูปบูชาอยู่ในบ้าน สะท้อนว่า...ยิ่งมีความเพียรพยายาม ยิ่งสู้ก็ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าผู้ที่ศรัทธาแล้วมาขอแล้วประสบความสำเร็จก็ยิ่งกลับมาไหว้ท่านเป็นประจำไม่เคยขาด

ความเป็นจริงเช่นนี้เอง ทุกเทศกาลจึงมีผู้คนหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่ที่ขอมักจะขอให้ค้าขายดี ไม่ได้หวังร่ำรวย ถูกหวย ขอให้ไม่เจ็บไม่จน สุขภาพดี กิจการเจริญรุ่งเรือง

“บ้านเราไหว้เซียนแปะกันมาตั้งแต่วัยรุ่นๆแล้วตามพ่อแม่ไปก็ยังเห็นความศรัทธาที่เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ ความเจริญที่เพิ่มมากขึ้น สร้างอาชีพ สร้างงานอย่างมากมาย...มีท่านเราก็อยู่ได้ ท่านสอนให้เป็นคนดี มุมานะพยายาม ประสบความสำเร็จได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร”

พลิกปูมประวัติ “เซียนแปะ” หรืออีกชื่อที่รู้จักกันก็คือ “อาจารย์โง้ว กิมโคย”

ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นมีชื่อจริงว่า “นที ทองศิริ” และ “กิมเคย แซ่โง้ว” ชาวจีนโพ้นทะเลที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องพิธีกรรมตามศาสตร์ความเชื่อของจีนและในเรื่องเกี่ยวกับ “ฮวงจุ้ย”

...

กล่าวกันว่า ท่านได้ประกอบธุรกิจโรงสี อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี กระทั่งหลังเสียชีวิตลงแล้วได้รับการเคารพนับถือในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ปทุมธานี กรุงเทพฯ...

“เซียนแปะโรงสี” เกิดที่ตำบลเท้งไฮ้ราวปี 2440 อายุได้เพียง 10 ปี ได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย แรกเริ่มได้ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ค้าข้าวเปลือก กระทั่งเริ่มตั้งตัวได้จึงร่วมหุ้นก่อตั้งโรงสีข้าวขึ้นมา ตั้งอยู่บริเวณปากคลองบางโพธิ์ล่าง...ปัจจุบันคือพื้นที่ตำบลบางเดื่อ อำเภอเมืองปทุมธานี

ครั้นอายุได้ 22 ปี “เซียนแปะโรงสี” ได้สมรสกับนางนวลศรี เอี่ยมเข่ง มีบุตรธิดา 10 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก 4 คน จากนั้นท่านก็ได้ตั้งกิจการโรงสีของตนเองขึ้นมาบริเวณคลองเชียงราก ใกล้กับวัดศาลเจ้า พร้อมทั้งได้รับ สัญชาติไทย และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “นายนที ทองศิริ”

ฉากชีวิตท่านมีคุณูปการอย่างยิ่งยวดในการดำเนินงานของวัดศาลเจ้าแห่งนี้ ทั้งบูรณะซ่อมแซม จัดพิธีกรรมต่างๆในงานสำคัญต่างๆนับตั้งแต่ศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นเพียงอาคารไม้เก่าๆ

จนเล่าลือกันอย่างหนาหูว่า...ท่านเป็นบุคคลที่มี “องค์” ของเจ้าพ่อวัดศาลเจ้าประทับในตน ด้วยมีอยู่หลายๆครั้งด้วยกันที่ท่านได้แสดงปาฏิหาริย์ในพิธีกรรมต่างๆจนปรากฏให้เห็นและก็ทำให้ผู้คนต่างเชื่อกันอย่างนั้นนั่นเอง

นอกจากนี้แล้ว “เซียนแปะโรงสี” ท่านยังเป็นบุคคลที่มีความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง หยิบยื่นช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาด้านความเชื่อจีน จึงยิ่งผนวกความศรัทธาที่มีอยู่สั่งสมให้มีมากขึ้นเรื่อยๆเป็นเท่าทวีคูณ

จนกระทั่งในปี 2526 “เซียนแปะโรงสี” ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 85 ปี

0 0 0 0

“ต้นไม้มงคล...ว่านเศรษฐีวิลสัน” ปลูกบูชาตั้งเด่นอยู่ตรงทางเข้าร้าน แม้ว่าเจ้าของร้านจะยืนยันว่าไม่ได้เชื่อไม่ได้ขอ หากแต่มีการผูกผ้าสีเอาไว้โดดเด่น อีกทั้งได้ยินมาว่า...ลูกค้าบางคนก็บอกว่ามาแล้วถ่ายรูปไม่ติดก็มีนับรวมไปถึง...“ศาลาต้นตะเคียน” ที่มีการถวายชุดไทยโบราณ ดอกไม้ธูปเทียน ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ก็มีเรื่องราวเหมือนปาฏิหาริย์ทำให้ลูกค้าบางคนมาทานอาหารที่ร้านแล้วปรากฏว่าถูกหวย จนต้องกลับมาที่ร้านอีกครั้ง คราวนี้ก็ซื้อน้ำแดงมาถวาย โดยบางคนก็ว่ามีความศรัทธาต่อเจ้าแม่ตะเคียนที่อยู่ถัดออกไปตรงลานจอดรถ

...

“เราก็เพิ่งจะรู้ว่าลูกค้า...มีความศรัทธาแล้วก็ขอหวย โชคดีถูกรางวัลได้เงินกลับมาก็เลยบอกให้รู้ เขาบอกว่ามีสัมผัสเรื่องทำนองอย่างนี้หลายอย่าง คนเก่าคนแก่ย่านนี้พอจะรู้ประวัติ เจ้าที่เจ้าทางที่นี่ค่อนข้างแรง ใครมาดีก็จะดี แต่ใครมาร้ายก็อาจจะกลายเป็นอีกเรื่องไปได้”

ปรากฏการณ์ข้างต้นทั้งหมดเหล่านี้ เกิดขึ้นที่ร้านอาหาร “บ้านริมน้ำ River View” ซอยบ้านกลาง 4/6 ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ภัทรวัต จริยาพันธ์ หรือ “น้ำเต้า” เจ้าของร้าน และ ชวนพิศ จะโนภาษ หรือ “เรน” ผู้จัดการร้าน เล่าให้ฟังอีกว่า ร้านอาหารอยู่ในบริเวณบ้านเก่าแก่ “จะโนภาษ”

วันเวลาผ่านมาถึงวันนี้...อายุ 120 ปีแล้ว

“ที่เห็นได้ยินได้ฟังมาว่า เสาไม้ต้นหนึ่งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ เรื่องทำนองอย่างนี้ใครที่ไม่เชื่อก็อย่าเพิ่งลบหลู่ หรือ...ค้านหัวชนฝา แต่ก็มีคนเจอมาแล้วกับตัว เวลาค่ำมืดดึกดื่น มีโอกาสเดินทางผ่านมองเข้ามาก็เห็นคนเดินอยู่ให้เห็น แต่เวลานั้นก็ไม่น่าจะมีใครแล้ว จึงเชื่อกันว่า...น่าจะเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ”

...

แต่ในเวลาปกติทั่วๆไปก็บริการรับลูกค้ากันไปปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราทุกคนในบ้านเชื่อกันว่าท่านคอยปกปักรักษา คุ้มครองให้ผู้คนในเรือนชานปลอดภัย เมื่อบวกกับโชคลาภที่ลูกค้าบางท่านได้รับก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เรื่องทำนองอย่างนี้ไม่มีอยู่จริง ก็คงขึ้นอยู่กับดวงใครดวงมัน โชคของใครก็ของใคร

และ...กับบางคนก็อีกนั่นแหละ มีเวลาน้อย เมื่อมาแถวนี้ก็แวะมาถวายน้ำแดงเฉยๆแล้วก็กลับ บอกว่าเคยได้โชคได้ลาภจากที่นี่ไป ถูกลอตเตอรี่ มีลาภใหญ่

ผู้คนละแวกนี้ที่รู้จะไม่ลบหลู่ ท้าทา ย... กับผู้คนในเรือนชานบ้านอาศัยก็ตั้งจิตระลึกนึกถึงปู่ย่า ตายาย ขอให้คุ้มครอง หมั่นทำความดีอยู่เสมอและต่อเนื่อง จะไม่ทำอะไรที่ไม่ดี ทำมาค้าขายราบรื่น มีโอกาสมาไหว้ “เซียนแปะ” แล้วมีเวลาก็แวะมาทานข้าวกันได้ที่ร้านอาหาร “บ้านริมน้ำ River View”... (อย่าตั้งใจมาขอโชค 555)

0 0 0 0

“ศรัทธา” กับ “ความรวย” เรื่องนี้ ดังตฤณ กล่าวไว้ว่า ถ้าทำสมาธิแล้วรวยขึ้นเป็นร้อยล้านทันตา...คนทั้งโลกคงหันมาทำสมาธิกันหมด ข้อเท็จจริงคือ หากทำสมาธิได้...ดวงจิตที่ได้มามีค่าสูงกว่าร้อยล้าน เพราะเป็นเหตุให้อยู่เย็นเป็นสุขแสนสุขแสนสบายทางใจ ชนิดที่ไม่ค่อยมีกันในบรรดาเศรษฐีร้อยล้าน

...

“ตลอดจนเป็นเหตุให้คิดดี น้อมศรัทธาไปในธรรมแห่งความพ้นไป”

“ชีวิตเรา”...จะมีเวลาเป็นช่วงๆที่จิตเข้าเขตอกุศลธรรมดำมืด เป็นทุกข์ โมโหหิว อึดอัดขัดใจทำอะไรไม่ได้ อยากด่าคน ไม่สนธรรมะ คำพูดดีๆไม่อยากฟัง...เมื่อเข้าเขตอกุศลธรรม แต่ละคนเกิดปฏิกิริยาต่างๆกันไป ตามเสบียงทางวิญญาณที่สั่งสมมา “ต้นทุนทางธรรม”...เฉพาะตัวเท่านั้น ที่ช่วยให้รอดเฉพาะตนได้จริง ทำกับคนอื่นอย่างไรคือสะสมธรรมะให้กับตัวอย่างนั้น...ให้ทานแก่คนอื่น เห็นใจคนอื่น...เพื่อความชุ่มชื่นเย็นใจแก่ตนเอง

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก-ยม