สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดรับผลผลิตอ้อยเข้าหีบ ประจำฤดูการผลิตปี 2564/2565 ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ถือเป็นวันแรกของการเปิดรับผลผลิตอ้อยเข้าหีบ ซึ่งตัวเลข ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2564 รวม 16 วัน มีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด 9.2 ล้านตัน แบ่งออกเป็น อ้อยสดเข้าหีบ 7.5 ล้านตัน คิดเป็น 81.19% และอ้อยไฟไหม้เข้าหีบ 1.7 ล้านตัน คิดเป็น 18.81%

โดยในฤดูการผลิตปี 2564/2565 สอน.ตั้งเป้าลดปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบไม่เกิน 10% ของปริมาณทั้งหมด แต่จากตัวเลข 16 วันที่ผ่านมาหลังการเปิดหีบ พบว่า เปอร์เซ็นต์ของอ้อยไฟไหม้ไม่ได้ลดลงตามเป้า สอน.จึงได้วางมาตรการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ ในฤดูการผลิตปี 2564/2565 ดังนี้

1. ปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบ ไม่เกินร้อยละ 10
2. หักเงินชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยไฟไหม้ต้นละ 30 บาท
3. จัดหาเครื่องสางใบอ้อยมาให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยยืมเพื่อสางใบอ้อย
4. ส่งเสริมการรับซื้อใบอ้อยเพื่อเพิ่มรายได้ และลดการเผาใบอ้อย
5. ขอความร่วมมือโรงงานช่วยประกันราคารับซื้ออ้อยสดในราคาที่ เหมาะสมกับต้นทุนการตัดอ้อยสด
6. ขอรับการสนับสนุนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อลดต้นทุนการตัดอ้อยสด
7. สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยกู้เพื่อซื้อ เครื่องจักรกลการเกษตร

ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สอน.มีมาตรการ Bubble and Seal ให้กับโรงงานน้ำตาลทั้ง 57 โรงงาน โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมกับอุตสาหกรรมจังหวัด เพื่อตรวจสอบความพร้อมของโรงงานน้ำตาลตามแนวทางมาตรการป้องกันและควบคุมโควิด-19 ในระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย โดยเน้นย้ำและเข้มงวด กำชับ และคาดโทษ แก่คณะทำงานควบคุมการผลิตประจำโรงงานให้ตรวจสอบอ้อยเข้าหีบว่าเป็นอ้อยสดหรืออ้อยไฟไหม้ โดยใช้เกณฑ์ตัดสินว่าหากมีอ้อยไฟไหม้แม้เพียงลำเดียว ให้ถือว่าเป็นอ้อยไฟไหม้ทั้งคันเช่นเดิม