- ไทยเจอ "โอมิครอน" เพิ่ม เร่งบูสเข็ม 3 สู้ งานปีใหม่ต้องเข้มมาตรการ สธ.
ไทยเจอผู้ติดเชื้อโควิดฯ สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่ม พบเป็นคนไทยเพิ่งกลับจากแสวงบุญฯ ที่ซาอุฯ เดินทางเข้าประเทศที่ภูเก็ต 1 ลงที่สุวรรณภูมิ 7 คน - เจอคนไทยติดโอมิครอนเพิ่ม ยัน "วัคซีน" ช่วยลดความรุนแรง นายกฯ สั่งบูสเข็ม 3 เร็วกว่านี้ คาดไม่นานระบาดในไทย
- ไทยฉีดวัคซีนใกล้ถึงเป้า รวม 3 เข็มได้กว่า 99.38 ล้านโดส เป็นเข็มแรกถึงร้อยละ 70 แล้ว โอ่ WHO แนะนำใช้สูตรไขว้ไทย ย้ำงานปีใหม่ ต้องเข้มมาตรการ สธ.เผยดื่มข้ามคืนได้เฉพาะเคาต์ดาวน์
สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดฯ ในไทย ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ "ลดลง" ต่อเนื่อง ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันต่ำลงด้วยเช่นกัน แต่กลับพบผู้ติดเชื้อโควิดฯ สายพันธุ์ใหม่ "โอมิครอน" เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่ยังไม่มีรายงานพบการติดเชื้อภายในประเทศ ขณะที่ภาครัฐต่างเร่งระดมฉีดวัคซีนป้องกัน ได้เกือบถึงเป้า 100 ล้านโดสแล้ว คิดเป็นเข็มแรกร้อยละ 70 และเชิญชวนให้ประชาชนมาฉีดให้ครบ 3 เข็ม
...
เจอคนไทยติด "โอมิครอน" เพิ่ม
กว่า 4 สัปดาห์หลังโอมิครอน แพร่ระบาดในทวีปแอฟริกา ก่อนลุกลามไปหลายพื้นที่ทั่วโลก และพบเจอในไทยแล้ว 14 คน ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก เพิ่งเดินทางกลับมาจากการแสวงบุญ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย จำนวน 8 คน โดย นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ตรวจพบผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ ผ่านสนามบินนานาชาติภูเก็ตติดเชื้อโควิดฯ สายพันธุ์โอมิครอน เบื้องต้นรวม 5 คน โดยคนแรกเป็นคนไทย ชาว จ.ปัตตานี ที่เดินทางไปอุมเราะห์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยเที่ยวบินดังกล่าวมีผู้เดินทางมารวมทั้งสิ้น 137 คน ในจำนวนนี้มี 5 คน ตรวจพบติดเชื้อโควิดฯ ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงสนามบินภูเก็ต และจากการส่งตรวจหาสายพันธุ์มีการแจ้งผลการตรวจเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าในจำนวนนี้มี 1 คน เป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ปัจจุบันผู้ป่วยคนดังกล่าวถูกส่งตัวไปรับการรักษาต่อยังโรงพยาบาลโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แล้ว
เป็น "กลุ่มสีเขียว-ไม่มีอาการ" ยันอยู่ภายใต้มาตรการเข้มงวด
นพ.กู้ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้แสวงบุญอุมเราะห์ไทยคณะนี้ ได้มีการตรวจ RT-PCR ที่ประเทศซาอุดีอาระเบียก่อนเดินทางกลับมายังประเทศไทย และได้ตรวจหาเชื้อตามมาตรการของ จ.ภูเก็ต อีกครั้ง ที่สนามบินภูเก็ต โดยเข้าสู่ประเทศไทยผ่านโครงการ "Test & Go" เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตรวจพบผู้ติดเชื้อ 5 คน กักตัวและเข้ารับการรักษาในพื้นที่ จ.ภูเก็ต อยู่ในความดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาที่อยู่ภูเก็ต เป็นเวลา 5 วัน และเนื่องจากทั้ง 5 คน เป็นกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวที่ไม่มีอาการ จึงได้ขอเดินทางกลับไปรักษาในพื้นที่ชายแดนใต้ สสจ.ภูเก็ตประสานกับจังหวัดปลายทาง ให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้กลับไปรักษาภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์ ตามมาตรการระดับจังหวัดอย่างเข้มงวด ต่อมาในวันที่ 17 ธ.ค. ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ภูเก็ตว่า 1 ใน 5 คน เป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน หลังจากที่ได้เดินทางกลับไปรักษาตัวในพื้นที่แล้ว ส่วนผู้ที่ไม่ใช่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและมีผลเป็นลบ ได้เดินทางกลับไปยังจังหวัดปลายทางแล้วทั้งหมดเช่นกัน
เจอต่างชาติติดโอมิครอนอีก 4 ราย
นพ.กู้ศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ยังมีรายงานผลการตรวจหาเชื้อโควิดฯ ของผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค.ที่ผ่านมา จาก 4 สายการบิน พบผู้ติดเชื้อโควิดฯ สายพันธุ์โอมิครอน สายการบินละ 1 คน รวมทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วยชายอายุ 31 ปี สัญชาติอเมริกัน ต้นทางอังกฤษ-ภูเก็ต (Test & Go) ชายอายุ 36 ปี สัญชาติสวีเดน ต้นทางสวีเดน-ภูเก็ต (Test & Go) ชายอายุ 32 ปี สัญชาติตูนิเซีย ต้นทางฝรั่งเศส-ภูเก็ต (Test & Go) และหญิงอายุ 24 ปี สัญชาติเยอรมัน ต้นทางอังกฤษ-ภูเก็ต ขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาลของภูเก็ต ส่วนกลุ่มเสี่ยงประมาณ 20 คน มีการกักตัวและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ การตรวจพบผู้ติดเชื้อดังกล่าวนั้น เป็นการตรวจพบตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงสนามบินภูเก็ต ดังนั้นทั้งหมดจึงเข้าสู่กระบวนการรักษาตั้งแต่วันแรกที่มาถึง ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก
กลุ่มกลับจากแสวงบุญที่เมกกะ ติดเพิ่มอีก 7
...
ด้าน นายปรีดา เชื้อผู้ดี ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้พบผู้ที่เดินทางกลับจากการแสวงบุญที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ติดเชื้อโควิดฯ สายพันธุ์โอมิครอนแล้ว 7 คน และกลุ่มเสี่ยงสูงอีก 6 คน ทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางไปแสวงบุญที่นครเมกกะ ลงเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นคณะทั้งหมดเข้ากักตัวที่โรงแรมย่านรามคำแหง ต่อมาแพทย์จาก รพ.วิภาราม มาตรวจหาเชื้อให้กับคณะทั้งหมดที่โรงแรม ผลตรวจออกมา เวลา 21.00 น. ของวันที่ 15 ธ.ค. 64 พบติดเชื้อโควิดฯ 6 คน ต่อมาพบเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 7 คน และมีกลุ่มผู้เสี่ยงสูงอีก 6 คน และยังพบว่ามีบางคนติดเชื้อโควิดฯ สายพันธุ์เดลตาด้วย
"ทั้งหมดที่บินมาเที่ยวนี้มี 30 กว่าคน เดินทางไปแสวงบุญเล็กที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย จากนั้นแวะที่กาตาร์ และเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณเวลา 12.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. เข้ากักตัวที่โรงแรมทันที หลายคนเริ่มมีอาการตั้งแต่อยู่ซาอุดีอาระเบียแล้ว มีตัวร้อนและไข้ขึ้น โดยมาจากหลายพื้นที่ทั้ง จ.นนทบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา และอีกหลายที่ ซึ่งผลตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดฯ สายพันธุ์โอมิครอนชัวร์ๆ แล้ว 7 คน และพบผู้สัมผัสใกล้ชิดอีก 6 คน นอกจากนี้ในกลุ่มที่ติดเชื้อ มีหลานสาว อายุ 22 ปี รวมอยู่ด้วย ขณะนี้ทั้งหมดรักษาตัวอยู่ที่โรงแรมที่มีคอนเนกชันกับโรงพยาบาลในการรักษา โดยถูกสั่งห้ามออกจากห้องพักภายในโรงแรมโดยเด็ดขาดเพราะเชื้อตัวนี้ติดเร็วมาก"
...
คาดอีกไม่นานไทยติดเชื้อในประเทศ
ขณะที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า วันนี้ (20 ธ.ค.) กรมวิทยาศาสตร์ฯ ได้แถลงข่าวชี้แจงกรณีการพบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน จากคณะแสวงบุญที่เดินทางกลับมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ในพื้นที่ อบต.ท่าอิฐ จ.นนทบุรี และที่ตรวจพบจากระบบแซนด์บ็อกซ์ใน จ.ภูเก็ต โดยก่อนหน้านี้ไทยพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนแล้ว 14 คน ยืนยันยังไม่พบการติดเชื้อในประเทศ แต่คาดว่าอีกไม่นานก็จะติดเชื้อในประเทศได้
ยัน "วัคซีน" ลดความรุนแรง นายกฯ สั่งเร่งบูสเข็ม 3 เร็วกว่านี้
ส่วนการตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดสในปีนี้นั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้เรายังฉีดวัคซีนกันทุกวัน ในส่วนที่รับไปแล้ว 2 เข็มก็ประกาศให้เข้ามารับเข็ม 3 ไล่ตามเดือนมา ดังนั้น วัคซีนเรามีเพียงพอ มีหลายแพลตฟอร์ม ที่สำคัญคือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกว่า มีความปลอดภัย อย่างไรก็ตามย้ำว่าแม้จะมีโควิดฯ สายพันธุ์ใหม่ขึ้น แต่วัคซีนยังป้องกันความรุนแรง ลดโอกาสเสียชีวิตได้ดีกว่าคนที่ยังไม่รับวัคซีน ขอให้ประชาชนเข้ามารับวัคซีนทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 และ 3 เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนที่รัก
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือจากประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้ผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ภายใต้การควบคุมได้อีก มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าอัตราค่าเฉลี่ยของโลกถึง 1 เท่าตัว ลดการสูญเสีย เพราะมีระบบสาธารณสุขดี ประเทศจะก้าวหน้าไม่ได้ ถ้าประชาชนสุขภาพไม่ดี เราทำทุกทางจัดหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทั้งวัคซีน ยารักษาโรค และการบริการต่างๆ เพื่อยุติวิกฤติโควิดฯ วันนี้ประชาชนรับวัคซีนแล้ว 100 ล้านโดส นี่คือคำว่าวัคซีนเต็มแขน ส่วนปีหน้าประชาชนจะได้รับวัคซีนบูสเตอร์จนกว่าโควิดฯ จะหายไป วันนี้ประชาชน 6 ล้านคน ได้เข็ม 3 แล้ว ต่อไปต้องทำให้ทั้ง 70 ล้านคนต้องได้รับเข็ม 3 ขณะที่หลายประเทศยังฉีดเข็ม 2 อยู่ โดยนายกฯ สั่งการมาทางไลน์ของตนให้เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 เร็วกว่านี้
ไทยฉีดวัคซีนเกือบถึงเป้า 100 ล้านโดส เข็มแรกร้อยละ 70 แล้ว
สำหรับยอดผู้ได้รับวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 64 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้นขณะนี้กว่า 99 ล้านโดส แยกเป็นเข็มแรกกว่า 50 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 70 ของประชากร เข็มที่สองกว่า 44 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 61.4 ของประชากร และเข็มสามกว่า 4 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 6.6 ของประชากร
...
ยันทีมวิจัยไทยได้มาตรฐาน ฟุ้ง "WHO" แนะนำใช้วัคซีนสูตรไขว้ไทย
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับองค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำในการฉีดวัคซีน "สูตรไขว้" โดยได้ลงพิมพ์ Interim recommendations for heterologous COVID-19 vaccine schedules ใน Interim guidance ว่า ที่ผ่านมาในคนไทยด้วยกันเองมีการโต้แย้งกันมาก ทั้งที่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นที่แน่ชัด และกำลังลงพิมพ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าอีกหลายบทความ คณะกรรมการพิจารณางานวิจัยให้แก้ไขบทความน้อยมาก และเชื่อว่าจะได้ลงพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยทีมวิจัยของเราได้ทำวิจัยอย่างได้มาตรฐาน จะเห็นว่าองค์การอนามัยโลกได้ออกคำแนะนำในการใช้วัคซีนสูตรไขว้ของไทย
นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการใช้วัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม สลับด้วยการกระตุ้นด้วยไวรัสเวกเตอร์ หรือ mRNA อย่างที่เราใช้กันในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้ศึกษาประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว ที่ใช้สูตรสลับ SV-AZ ประสิทธิภาพเท่าเทียมกับ AZ- AZ หลักฐานการศึกษาวิจัย องค์การอนามัยโลกได้เอาไปใช้อ้างอิง และมีการเผยแพร่ไปทั่วโลก จะเห็นว่ามีข้อมูลการศึกษาออกจากประเทศไทย โดยเฉพาะในทีมที่เราทำการศึกษากันมาอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างเกิดขึ้นในภาวะฉุกเฉิน เพราะระยะเวลา เราทำวิจัยอย่างเร่งด่วน ขณะนี้ก็เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าองค์การอนามัยโลกได้แนะนำในการใช้วัคซีนแบบสูตรสลับ
"งานปีใหม่" ต้องเข้มมาตรการ สธ.
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม มีนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขยกระดับการใช้ชุดตรวจ ATK ด้วยตัวเอง เพื่อทดสอบผลการติดเชื้อก่อนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ที่มีการรวมตัวมากกว่า 1 พันคน จะต้องดำเนินการจัดงานอย่างปลอดภัยภายใต้มาตรการสาธารณสุข ผู้จัดและผู้เข้าร่วมงานต้องฉีดวัคซีนครบโดส ต้องมีผลตรวจ ATK ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเข้าร่วมงาน ส่วนการจัดงานที่ต่ำกว่า 1 พันคนนั้น ผู้จัดงานจะต้องฉีดวัคซีนครบและมีผลตรวจ ATK สำหรับผู้เข้าร่วมงานต้องฉีดวัคซีนครบ และแสดงผลฉีดวัคซีนก่อนเข้าร่วมงานด้วย
ฉลอง "ปีใหม่" ดื่มข้ามคืนได้เฉพาะเคาต์ดาวน์
ที่สำคัญขอให้ประชาชนให้ความสำคัญกับเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน จะต้องมีการแสดงเพื่อการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อกรณีที่มีผู้แอบอ้างว่า สามารถออกใบรับรองวัคซีนโควิดฯ ได้โดยไม่ต้องฉีดวัคซีน ทั้งผู้ออกใบรับรองและผู้ใช้ใบรับรองวัคซีนปลอมจะมีโทษทั้งคู่ ทั้งนี้ นายกฯ ห่วงถึงการผ่อนคลายอนุญาตให้ดื่มสุราในช่วงปีใหม ซึ่งขอย้ำ ศบค.อนุญาตให้ดื่มได้เพียงแค่คืนเดียว คือ ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 64 จนถึง 1 ม.ค. 65 เวลา 01.00 น. เท่านั้น จึงขอให้ทุกคนเฉลิมฉลองอย่างมีสติและตั้งอยู่ในความไม่ประมาท.
ผู้เขียน : หงเหมิน
กราฟิก : sathit chuphanngam