สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจและกำลังระบาดในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับกลุ่มมิจฉาชีพที่กำลังออกอาละวาดชักชวนให้คนไปร่วมทำงานเป็นแอดมินในตลาดการค้าออนไลน์ รายได้วันละ 3,000 บาท แต่สุดท้ายก็จะมีการเรียกเงิน เพื่อเป็นประกันการทำงาน 3,000-5,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็เคยพาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่มีพฤติการณ์คล้ายๆ กัน โดยช่วงแรกจะชักชวนให้ทำงานและจ่ายเงินค่าจ้างตรงไปตรงมา ตอนหลังก็จะชักชวนให้ไปร่วมลงทุน และจะให้เพิ่มเงินลงทุนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ อ้างว่า ค่าเงินมีการผันผวน ความจำเป็นจะต้องอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ เพื่อเป็นการรักษาเงินทุนไม่ให้เงินลงทุนสูญหาย พร้อมกับให้ชักชวนผู้อื่นมาร่วมลงทุนด้วย แต่สุดท้ายไม่สามารถเบิกถอนเงินออกจากระบบได้ มีผู้เสียหายกว่า 500 คน ค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท ตอนนี้อยู่ขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวน เพื่อเอาผิดกับผู้ร่วมขบวนการทุกคน

กรณีการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้ง และการหลอกลวงนั้นได้ไป ซึ่งทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวง เป็นความผิดข้อหาฉ้อโกงและจะต้องรับโทษหนักขึ้น เนื่องจากพฤติการณ์เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประกอบ มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

...

ตลอดจนจะต้องไปรับผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ไม่เกิน 5 ปี ไม่เกิน 100,000 บาท

นอกจากนี้ ผู้กระทำความผิดยังต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้กับผู้เสียหายในทางแพ่งอีกด้วย

ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ผู้ที่เป็นเจ้าของบัญชี อาจจะไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิดก็เป็นไปได้ เนื่องจากอาจจะถูกหลอกให้เปิดบัญชีหรือถูกยืมเลขที่บัญชีมาใช้ในการกระทำความผิด แต่เมื่อมีชื่อไปร่วมในขบวนการก็จะต้องถูกเรียกมาสอบสวนให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนว่า ใครเป็นคนจ้างให้เปิดบัญชี หรือใครเป็นคนเอาบัญชีไปใช้ เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดที่แท้จริงต่อไป

สุดท้ายนี้ ขอฝากไว้กับทุกท่านครับ ในการที่จะมอบเอกสารสำคัญไม่ว่าจะเป็นสำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน หรือเลขที่บัญชีให้ใครนั้น อาจจะสร้างปัญหาให้กับท่านในอนาคตก็ได้ ดังนั้น ควรที่จะตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะมอบเอกสารสำคัญให้ผู้อื่นไปใช้ครับ

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ หรือ