ชง ศบค.ชุดใหญ่ ปรับพื้นที่สีแดงเข้มจาก 29 จังหวัด เหลือ 24 จังหวัด ขยับเวลาเคอร์ฟิว เหลือ 5 ทุ่มถึงตี 3 มีผล 16 ต.ค. เตรียมเคาะประเทศเสี่ยงต่ำ รับต่างชาติเข้าไทยไม่กักตัว สธ.เตรียมเสนอพิจารณาสูตรฉีดวัคซีนแบบไขว้แอสตราเซเนกาเข็มแรก ตามด้วยไฟเซอร์เข็มสอง ส่วนสถานการณ์ติดเชื้อรายวันยังน่าห่วง กทม.นำโด่ง สามจังหวัดชายแดนใต้ติดท็อปเทน จนล่าสุด รมต.อนุทิน เตรียมบินด่วนลงพื้นที่ ขณะที่พยาบาลสาว จาก จ.ระยอง ติดโควิดดับ ทั้งที่ฉีดวัคซีนครบตาม เกณฑ์ที่กำหนดแล้ว ด้านอำเภอขุนยวม อัดฉีดทอง ให้สาวท้อง หลังกลัวเข็มไม่กล้าเดินทางมาฉีดวัคซีน

ภาครัฐหลายฝ่ายขานรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจาก 21 ชาติ ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ขณะที่ ททท.เตรียมดึง ลิซ่า แบล็กพิงก์ ศิลปินชาวไทยชื่อก้อง และอันเดรอา โบเชลลี นักร้องโอเปราชื่อดังของโลกชาวอิตาลี ร่วมงานเคาต์ดาวน์ภูเก็ต พร้อมโปรโมตเที่ยวไทย ท่ามกลางความวิตกของผู้ประกอบการหวั่นโควิดจะกลับมาระบาดอีกระลอก

ติดเชื้อใหม่ 10,064 ราย ตาย 82

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,064 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 9,937 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 9,156 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 781 ราย จากเรือนจำและที่ต้องขัง 118 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 9 ราย ผู้รักษาหายป่วยเพิ่ม 10,988 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 107,168 ราย อาการหนัก 2,941 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 669 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 82 ราย เป็นชาย 42 ราย หญิง 40 ราย เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 66 ราย มีโรคเรื้อรัง 10 ราย และในจำนวนนี้มีพยาบาลหญิง 1 ราย จ.ระยอง อายุ 45 ปี เป็นโรคอ้วนและความดันโลหิตสูง ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 1,740,428 ราย ยอดรวมหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 1,615,343 ราย

...

ฉีดวัคซีนขยับ 61.9 ล้านโดส

ขณะยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 17,917 ราย สำหรับการฉีดวัคซีนวันที่ 12 ต.ค. 962,558 โดส ฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 61,995,809 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 239,477,111 ราย เสียชีวิตสะสม 4,881,538 ราย สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 1,142 ราย ยะลา 650 ราย สงขลา 475 ราย สมุทรปราการ 453 ราย ชลบุรี 442 ราย ปัตตานี 423 ราย นราธิวาส 420 ราย ระยอง 326 ราย จันทบุรี 311 ราย และนครศรีธรรมราช 264 ราย

ชงลดพื้นที่สีแดงเข้มเหลือ 24 จว.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันที่ 14 ต.ค. เวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค. จะเป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หลังจากผ่อนคลายและปรับมาตรการกิจการกิจกรรมต่างๆมาครบ 14 วัน อย่างไรก็ตาม ศปก.ศบค.จะเสนอให้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาผ่อนคลายเพิ่มเติม รวมถึงพิจารณาปรับระดับสีใหม่ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือสีแดงเข้ม เหลือจำนวน 24 จังหวัด จากเดิม 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือพื้นที่สีแดง จำนวน 29 จังหวัด และพื้นที่ควบคุมหรือสีส้ม จำนวน 24 จังหวัด

หดเคอร์ฟิว 5 ทุ่มถึงตี 3 มีผล 16 ต.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นอกจากนี้ ศปก.ศบค.จะเสนอให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณาการเดินทางออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว โดยเสนอให้ขยับเวลาจากเดิม 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้นเป็น 23.00-03.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ไปอีก 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-31 ต.ค.64 ส่วนกิจการกิจกรรมในพื้นที่สีแดงเข้ม จะเสนอให้ผ่อนคลายและปรับมาตรการคือ ให้จัดการประชุม รวมถึงงานประเพณีในศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการ และสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้าหรือโรงแรมได้ โดยปรับจำนวนการรวมกลุ่มคนตามระดับพื้นที่สี ให้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน พื้นที่ควบคุมสูงสุด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 100 คน พื้นที่ควบคุม ห้ามจัด กิจกรรมรวมคนมากกว่า 200 คน รวมถึงให้เปิดสถานดูแลผู้สูงอายุแบบไป-กลับได้ แต่ต้องได้รับการพิจารณาอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ซึ่งกิจการกิจกรรมที่จะปรับมาตรการในครั้งนี้ให้เปิดดำเนินการได้ไม่เกินเวลา 22.00 น.

...

ไขว้ใหม่แอสตราฯ-ไฟเซอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จะมีการเสนอให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณาแนวทางการเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 10 ประเทศแบบไม่ต้องกักตัว โดยจะพิจารณาปัจจัยหลักคือจำนวนผู้ติดเชื้อของแต่ละประเทศ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอให้ ศบค.พิจารณาสูตรฉีดวัคซีนแบบไขว้คือฉีดแอสตราเซเนกาเข็มแรก ตามด้วยไฟเซอร์เข็มสอง และจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณามาตรการแนวทางการเตรียมพร้อมด้านต่างๆเพื่อรองรับการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในวันที่ 1 พ.ย. รวมถึงความพร้อมด้านต่างๆก่อนที่จะอนุญาตเปิดสถานบันเทิงให้ดื่มกินได้วันที่ 1 ธ.ค. โดยข้อเสนอต่างๆจะชัดเจนอย่างไรให้รอมติที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 14 ต.ค.

“สุพัฒนพงษ์” ยันเปิด ปท.มีแผนรองรับ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินหน้าเปิดประเทศ ว่า ทุกภาคส่วนต้องมาหารือพูดคุยกัน โดยเฉพาะประชาชนต้องเตรียมความพร้อม รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนยืนยันการออกแถลงการณ์เปิดประเทศของนายกฯ ไม่มีอะไรต้องงุนงง เพราะมีแผนการและขั้นตอนรองรับ ที่สำคัญจะใช้ภูเก็ตโมเดลเป็นต้นแบบดำเนินการ แล้วนำมาเชื่อมโยงกัน เชื่อว่าการดำเนินการจะรวดเร็วขึ้น เมื่อถึงเวลารัฐบาลพร้อมสนับสนุน และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน หากกังวลเรื่องการฉีดวัคซีนที่ยังไม่ทั่วถึง ต้องมีมาตรการต่างๆมารองรับอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเพิ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำในการเดินทางเข้าประเทศไทย นอกจาก 10 ประเทศ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกระทรวงสาธารณสุขจะพิจารณา การประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ จะมีความคืบหน้า

...

เตรียมลุยจัดเคาต์ดาวน์ภูเก็ต

เมื่อถามถึงการจัดกิจกรรมเคาต์ดาวน์ปีใหม่ ครั้งนี้จัดได้หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า เบื้องต้นเตรียมการไว้ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต สามารถจัดกิจกรรมเคาต์ดาวน์ช่วงปีใหม่ได้ หากพื้นที่ไหนมีความพร้อม เสนอขึ้นมาได้ เนื่องจากภาคเอกชนไทยมีศักยภาพ ที่สำคัญทุกฝ่ายต้องหารือกัน เพราะต้องเดินหน้าเศรษฐกิจควบคู่ความปลอดภัยด้านสาธารณสุขไปพร้อมกัน มั่นใจช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะฟื้นตัวขึ้น โดยต้องจับตาไปที่ตัวเลขไตรมาส 3 ก่อนว่าติดลบมากน้อยแค่ไหน จะส่งผลต่อไตรมาสสุดท้ายว่าตัวเลขเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ยืนยันรัฐบาลนี้มีความพร้อมและจะทำให้ดีที่สุด แม้ขณะนี้มีปัญหาเรื่องพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และกำลังหาวิธีเข้าไปดูแลควบคุมราคาไม่ให้กระทบประชาชน

“อนุทิน” เห็นด้วยชู “ลิซ่า” โปรโมต

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว. สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีกระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬา โดย ททท.มีแผนดึงตัว ลิซ่า แบล็กพิงก์ มาร่วมงานเคาต์ดาวน์ ที่ จ.ภูเก็ต ว่า ขอให้ถาม รมว.การท่องเที่ยว เพราะตนยังไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว เมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะเชิญศิลปินระดับโลกมาร่วมงาน เคาต์ดาวน์ปีใหม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก็ดี เพราะเขาเป็นคนไทยและรักบ้านเมือง เป็นคน จ.บุรีรัมย์ แต่ทุกอย่างเราต้องให้เกียรติเขา เพราะเขาเป็นศิลปินระดับโลกแล้ว เขาก็ต้องชื่นชอบประเทศไทย ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ในวันที่ 31 ธ.ค. 2564 นั้น ลิซ่าอาจติดงานของต้นสังกัด ทางนายอนุทินไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวแต่อย่างใด

ถ้าคุมสถานการณ์ได้ทำอะไรก็ได้

เมื่อถามว่า มั่นใจใช่หรือไม่ว่า ในสิ้นปีนี้ประเทศไทยจะจัดงานเคาต์ดาวน์ได้ นายอนุทินกล่าวว่า จะทำให้ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย หากเริ่มผ่อนคลายมาตรการต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนด้วย ขอให้อยู่ในข้อกำหนดที่รัฐบาลประกาศไว้ เพื่อลดความสุ่มเสี่ยงต่างๆ เมื่อถามว่าการจัดงานเคาต์ดาวน์ปีใหม่จะเกิดขึ้นที่ใดระหว่างภูเก็ต เขาใหญ่ กรุงเทพฯ หรือที่อื่น นายอนุทินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต หากสถานการณ์ไม่เลวร้ายและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาชน พร้อมควบคุมสถานการณ์ต่างๆได้ เราจะทำอะไรก็ได้จึงต้องช่วยกัน รัฐบาลไม่มีคำว่าดีเลย์ มีแต่ไปเร็วกว่าที่วางแผนไว้ ไม่ใช่ว่าจะยึดอยู่ที่ไทม์ไลน์อย่างเดียว เราต้องปรับไปตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสม และคิดถึงเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก

...

โควิดใต้ดุ “อนุทิน” ลงพื้นที่ 4 จว.ใต้

วันเดียวกัน นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองโฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ให้ความสำคัญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดหนักในพื้นที่ จ.สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จะเดินทางลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 14-15 ต.ค. เพื่อประชุมหารือและมอบนโยบายแก้ไขปัญหา ตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีน พบปะผู้นำชุมชน อสม. และประชาชนแต่ละพื้นที่ วันแรกจะลงพื้นที่หาดใหญ่ จ.สงขลา พื้นที่ระบาดต่อเนื่อง ก่อนไป จ.ยะลา พบปะบุคลากรทางการแพทย์ ตรวจเยี่ยมจุดดำเนินมาตรการ “COVID Free Setting” ตลาดสดเมืองใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา วันที่ 15 ต.ค.ลงพื้นที่ มอ.ปัตตานี จ.ปัตตานี พบปะพร้อมมอบนโยบายให้บุคลากรทางการแพทย์และ อสม.ทำความเข้าใจกับประชาชนในการเข้าถึงวัคซีนโควิดให้ได้มากที่สุด ก่อนไป จ.นราธิวาส ตรวจเยี่ยมสถานการณ์และจุดฉีดวัคซีนนราสิกขาลัย อ.เมือง เพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชนในพื้นที่ว่าระบบสาธารณสุขใน 4 จังหวัดมีความพร้อม มีแผนรองรับการแพร่ระบาดไว้แล้ว และย้ำถึงมาตรการควบคุมโรคเพื่อจำกัดวงแพร่ระบาดไม่ให้สูงขึ้น

“ชลน่าน” ติงไทยยังไม่พร้อมเปิด ปท.

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ แถลงเปิดประเทศ แบบขายผ้าเอาหน้ารอด ไม่คำนึงถึงความพร้อมทั้งการดูแลสุขภาพชีวิตประชาชนกับเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง อ้างจำเป็นต้องเลือก หากช้ากว่านี้ไม่ทันกาล ทั้งที่รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเลือก ผู้บริหารที่ฉลาดจะเลือกทั้งคู่ทั้งประชาชนและเศรษฐกิจไปพร้อมกัน ประเทศอื่นทั่วโลกทำมานานแล้ว ชัดเจนว่ารัฐบาลเลือกเศรษฐกิจเป็นหลักมากกว่าจะปกป้องชีวิตประชาชน ขณะนี้ประชาชนยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่ดีเลย ฉีดวัคซีนเข็มแรกได้ไม่ถึงร้อยละ 40 ขณะที่เข็มที่สองเพียงร้อยละ 32 จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ ห่างไกลจากเป้าหมายร้อยละ 70 ขณะที่วัคซีนของรัฐบาลจัดให้ประชาชน เป็นวัคซีนที่หลายประเทศไม่ยอมรับ ที่สำคัญปัจจุบันหลายจังหวัดติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น โดย เฉพาะจังหวัดการท่องเที่ยว ทั้งเชียงใหม่ ภูเก็ต มีคลัสเตอร์ใหม่ๆเกิดขึ้น สรุปว่าประเทศไทยยังไม่พร้อมจะเปิดประเทศ ขณะเดียวกันระบบสาธารณสุขไทยยังคงต้องทำงานหนัก เพราะมีจำนวนผู้ติดเชื้อในระบบมากกว่า 100,000 คน เชื่อว่านักท่องเที่ยวเขาไม่มาแน่นอน

ชงมาตรการให้ ศบค.ชุดใหญ่เคาะ

ด้าน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศปก.ศบค. เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ วันที่ 14 ต.ค.จะ มีการเสนอพิจารณามาตรการเปิดประเทศ รวมไปถึงมาตรการด้านสาธารณสุข และการผ่อนคลายบางกิจกรรมกิจการ ขณะนี้ยังไม่มีข้อกังวลอะไรจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ขอไม่กล่าวถึงรายละเอียด ขอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน และให้รอความชัดเจนในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่

เยียวยา นศ.ถูกตัดขาหลังฉีดวัคซีน

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า กรณี น.ส.เกตน์สิรี กองแก้ว อายุ 20 ปี นักศึกษาสาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น วิทยาลัยชุมชนพังงา เกิดภาวะโรคหลอดเลือดแดงอุดตันฉับพลันที่ขาทั้ง 2 ข้าง หลังฉีดวัคซีนเข็ม 2 แอสตราเซเนกาแบบไขว้ ต่อมาแพทย์ต้องตัดขาซ้ายเหนือเข่า โดยขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สงขลา นครินทร์นั้น ล่าสุดสามารถรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ได้ให้ญาติยื่นคำร้องและเอกสาร นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระดับเขตพื้นที่ สปสช.เขต 11 สุราษฎร์ธานี วันที่ 14 ต.ค.นี้ เพื่อให้ครอบครัวผู้ป่วยได้รับการเยียวยาและช่วยเหลือดูแลโดยเร็วที่สุด

แจกทองสาวท้องฉีดวัคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน นายบุญสม เมืองนำโชค หรือหมอเจ่ง อดีตสาธารณสุข อ.ขุนยวม ได้ออกเงินส่วนตัวกันคนละครึ่งกับว่าที่ร้อยตรีณรงค์ชัย จินดาพันธ์ นายอำเภอขุนยวม เพื่อจัดซื้อสร้อยคอทองคำ มูลค่า 4,200 บาท ซึ่งมีน้ำหนักทองไม่ถึง 1 สลึง รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า มอบเป็นของขวัญเพื่อเป็นการกระตุ้นให้หญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่ อ.ขุนยวม ออกมารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด หลังประชาชนกลัวผลกระทบรุนแรงหลังฉีดวัคซีน โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้ผู้โชคดีคือนางรสริน เฉลิมรัตนพิทักษ์ ชาวบ้านแม่ลาก๊ะ ต.เมืองปอน

ระยองตาย 1 ติดเชื้อ 326 ราย

ที่ จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่าพบผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุ45ปี อยู่ ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่พบเพิ่ม 326 ราย เสียชีวิตสะสมเพิ่ม 210 รายผู้ติดเชื้อสะสมระลอกใหม่เพิ่มเป็น 36,530 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อใน 7 อำเภอ อยู่ใน อ.เมืองระยอง 174 รายอ.แกลง 47 ราย อ.นิคมพัฒนา 39 ราย อ.บ้านฉาง 28ราย อ.บ้านค่าย 15 ราย อ.ปลวกแดง 14 ราย อ.เขาชะเมา 1 ราย และต่างจังหวัดเข้ามารักษาตัว 6 ราย ยอดฉีดวัคซีนไปแล้ว 855,092 เข็ม ยอดจอง 448,019คน

สุพรรณฯ ผู้ป่วยใหม่พุ่ง 101 ราย

ศูนย์ปฏิบัติการโควิด-19 สุพรรณบุรี รายงานว่า พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 101 ราย ผู้ป่วยจ.สุพรรณบุรี 88 ราย ผู้ป่วยจากต่างจังหวัด 13 ราย การระบาดกลุ่มก้อน ผู้ป่วยที่ทำการ อ.สองพี่น้อง 2 รายผู้ป่วยงานศพ ม.3 ต.องค์พระ อ.ด่านช้าง 4 ราย ทำให้มีผู้ป่วยใหม่สะสมอยู่ที่ 12,249 ราย ผู้ป่วยสะสมกลับมารักษาตัวตามภูมิลำเนาสุพรรณบุรี 352 รายการระบาดกลุ่มก้อน ผู้ป่วยสะสมที่ทำการ อ.สองพี่น้อง 12 ราย ผู้ป่วยสะสมงานศพ ม.3 ต.องค์พระอ.ด่านช้าง 20 ราย ผู้ป่วยสะสมชุมชน ม.1 ต.ศาลาขาว อ.เมืองฯ 21 ราย ผู้ป่วยสะสมชุมชนหน้า รพ.เจ้าพระยายมราช 39 ราย รักษาหายแล้ว 11,059 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ 997 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 226 ศพ

ปิดตลาดฉัตร์ไชยหัวหิน

ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายนพพรวุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตลาดฉัตร์ไชย ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน หลังพบพ่อค้าแม่ค้าติดเชื้อโควิดหลายสิบราย จุดเริ่มต้นจากแรงงานต่างด้าวติดเชื้อที่จำหน่ายน้ำแข็งอยู่ในตลาด จากนั้นแพร่เชื้อไปสู่ผู้ค้าแผงขายปลา แผงขายน้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร จึงต้องปิดตลาดจนถึงวันที่ 17 ต.ค.และระหว่างวันที่ 15-17 ต.ค. เทศบาลจะแบ่งโซนตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR กับพ่อค้าแม่ค้าทั้งหมด คาดว่าจะเปิดตลาดฉัตร์ไชยได้ในวันที่ 18 ต.ค.ที่จะถึงนี้

เมืองคอนป่วยพุ่ง 510 คน ตาย 10 ราย

สนง.สาธารณสุข จ.นครศรีธรรมราช รายงานผลการตรวจพบผู้ป่วยโควิดประจำวันที่ 13 ต.ค.ว่าพบผู้ป่วยจำนวน 510 ราย และผู้เสียชีวิตวันเดียวสูงถึง 10 ราย มีคลัสเตอร์สำคัญใน 21 อำเภอ คือคลัสเตอร์ อ.เมือง 151 ราย, คลัสเตอร์นักโทษเรือนจำทุ่งสง9 ราย, เรือนจำปากพนัง 1 ราย, คลัสเตอร์ตลาดสดเทศบาลตำบลหัวไทร 24 ราย, คลัสเตอร์งานศพ อ.ทุ่งใหญ่ 22 ราย, คลัสเตอร์ อ.ท่าศาลา 66 ราย, คลัสเตอร์ อ.บางขัน 24 ราย, คลัสเตอร์ อ.ร่อนพิบูลย์23ราย, อ.ทุ่งสง 20 ราย, อ.ขนอม 23 ราย, อ.ช้างกลาง13 ราย, อ.ชะอวด 18 ราย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด 10 คน รายแรกเป็นชาย 58 ปี อ.จุฬาภรณ์ มีโรคประจำตัว, รายที่ 2 หญิง 81 ปี อ.เมือง มีโรคประจำตัว, รายที่ 3 ชาย 66 ปี อ.ท่าศาลา มีโรคประจำตัว, รายที่ 4 ชาย 61 ปี อ.ทุ่งสงมีโรคประจำตัว, รายที่ 5 ชาย 79 ปี อ.ท่าศาลา มีโรคประจำตัว, รายที่ 6 หญิง 90 ปี อ.ท่าศาลา มีโรคประจำตัว, รายที่ 7 หญิง 86 ปี อ.เมือง มีโรคประจำตัว, รายที่8 ชาย 74 ปี อ.ปากพนัง มีโรคประจำตัว, รายที่ 9 ชาย 65 ปี อ.ร่อนพิบูลย์ มีโรคประจำตัว และรายที่10 ชาย 82 ปี อ.หัวไทร มีโรคประจำตัว

โรงงานยางติดเชื้อ 27 ราย

ที่ จ.ยะลา สนง.สาธารณสุข จ.ยะลา แจ้งยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วันที่ 13 ต.ค. มีจำนวน 650 ราย แซง จ.ปัตตานี ขึ้นติดท็อปเทนที่ 2 รองจาก กทม.อีกครั้ง โดยพบที่ อ.เมือง 273 ราย อ.รามัน 156 ราย อ.บันนังสตา 88 ราย อ.ยะหา 58 ราย อ.เบตง 44 ราย อ.ธารโต 25 ราย อ.กรงปินัง 6 ราย เสียชีวิต 1 ราย เพศชาย อายุ 56 ปี ต.สามัคคี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ส่วนกรณีคนงานโรงงานยางอัดแท่งใน ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา ติดเชื้อโควิด-19 น.ส.พุทธชาติ อินทร์สวา แรงงานจังหวัดยะลา นายปกรณ์ เชนพูน สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ยะลา รุดไปตรวจสอบ พบว่าโรงงานแห่งนี้มีผู้ติดเชื้อ จำนวน 27 คน เป็นแรงงานไทยชาย 3 คน หญิง 20 คน และต่างด้าวชาย 3 คน หญิง 1 คน สาเหตุมาจากก่อนหน้านี้มีคนงานไปสวอบที่ รพ.สต.ท่าสาป พบผลบวก จึงประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเมืองยะลาติดตามอาการของผู้ที่ติดเชื้อทั้งหมด ขณะที่การตรวจหาเชื้อผู้ประกอบการและประชาชนในย่านตลาดประชาชื่น ถนนผังเมือง 4 เขตเทศบาลนครยะลา จำนวนร่วม 200 คน เมื่อวันที่ 11 ต.ค.นายสุชาติ อนันตะ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.ยะลา เปิดเผยว่า ผลตรวจพบผู้มีผลบวกรวม 17 ราย ได้นำตัวเข้าสู่กระบวนการรักษาแล้ว

หวั่นเร่งเปิดประเทศทำเจ๊ง

น.ส.เมตตา เรืองชุม หนึ่งในผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานบันเทิงในหาดอ่าวนาง กล่าวถึงการเตรียมเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย.ว่า เห็นด้วยกับการเปิดประเทศ เพราะมีนักท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้หลัก แต่สิ่งที่กังวลคือ หากเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามา จะมั่นใจแค่ไหนว่าคุมการระบาดไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหญ่ขึ้นมาอีก ในมุมมองส่วนตัว รัฐบาลควรทดลองเปิดให้ท่องเที่ยวกันเองภายในประเทศก่อนจะดีหรือไม่ เพื่อทดสอบระบบการรับมือว่าหากมีการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ เราจะรับมือกันได้ดีแค่ไหน ต้องเปิดให้เต็มรูปแบบ ให้ผู้คนได้ทดลองใช้ชีวิตในวิถีใหม่ว่าจะปรับตัวได้แค่ไหน และรับมือหากเกิดวิกฤติอีกรอบได้แค่ไหน ที่สำคัญระหว่างนี้ต้องเร่งนำวัคซีนฉีดให้ทั่วถึง ตอนนี้ทุกคนเจ็บปวดมามากพอแล้ว อยากให้รัฐพิจารณาให้รอบคอบถึงการเปิดประเทศ และต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการด้วย

ปัตตานีแห่ฉีดไฟเซอร์

ที่ จ.ปัตตานี ถือว่าเป็นช่วงขาขึ้นของการติดเชื้อ โดยช่วงที่ผ่านมายอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงทำลายสถิติอย่างต่อเนื่อง โดยยอดการติดเชื้อประจำวันมีจำนวน 468 ราย ติดเชื้อสะสมแล้วกว่า 27,581 ราย และรักษาหายป่วยแล้ว 17,284 ราย ผู้ที่เสียชีวิต 337 ราย ล่าสุดมีผู้ที่เสียชีวิตอีก 6 ราย เป็นแนวโน้มการติดเชื้อที่สูงมาก ทาง จ.ปัตตานีได้เร่งตรวจเชิงรุกหาเชื้ออย่างเต็มที่ นัดหมายตรวจ ATK ครั้งใหญ่ ที่สนามกีฬากลางจังหวัด วันที่ 14 ต.ค. ส่วนการฉีดวัคซีนที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี สามารถ Walk in เข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้โดยไม่ต้องจอง สำหรับเข็มที่ 1 เข้ารับได้ทุกกลุ่มแต่ต้องมีอายุเกิน 12 ปีขึ้นไป กำหนดฉีดวันที่ 13, 16, 17 ต.ค.64 มีประชาชนกว่า 2,000 คน เข้าฉีดวัคซีนกันอย่างคึกคัก

รัสเซียทดสอบวัคซีนพ่นจมูก

สำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในต่างแดน รัฐบาลรัสเซียประกาศเตรียมทดสอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ยี่ห้อสปุตนิก วี ในรูปแบบฉีดพ่นโพรงจมูก อย่างเป็นทางการ แต่ยังไม่เผยรายละเอียดเพิ่ม ระบุเพียงว่าเป็นวัคซีนแบบพ่นจมูก 2 โดส ยังไม่มีการกำหนดการทิ้งระยะเวลา ว่าควรพ่นโดสที่สองหลังโดสแรกนานแค่ไหน ขณะที่เมื่อเดือน มิ.ย.ทางการรัสเซียเผยว่าอยู่ระหว่างการทดสอบวัคซีนแบบพ่นโพรงจมูกแก่เด็กอายุ 8-12 ปี ส่วนสิงคโปร์เตรียมเปิดประเทศรับนักเดินทางจากอังกฤษ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส แคนาดา เดนมาร์ก อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน เผยมีชาวต่างชาติลงทะเบียนเข้าสิงคโปร์แล้วกว่า 2,400 คน เข้าประเทศวันที่ 19 ต.ค.นี้