ศบค.ชุดใหญ่เคาะแล้วสารพัดมาตรการ ทั้งต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 2 เดือนถึงสิ้น พ.ย.นี้ แต่ลดเวลาเคอร์ฟิวไปเริ่มสี่ทุ่มถึงตีสี่ อนุญาตให้พื้นที่สีแดงเข้มทำได้ 10 กิจการ-กิจกรรมแบบมีเงื่อนไข ห้าง โรงหนัง ร้านสะดวกซื้อเปิดได้ถึงสามทุ่ม รวมถึงเล่นดนตรีในร้านอาหารได้ พร้อมลดวันกักตัวคนเดินทางเข้าไทยเหลือ 7 วัน รองรับการเตรียมพร้อมเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวที่แบ่งพื้นที่มี 30 จังหวัด เปิดได้ในปีนี้ ส่วน ม.ค.ปีหน้าเปิดเพิ่มได้อีก 13 จังหวัด ขณะเดียวกันเร่งหาวัคซีนมาฉีดทั้งซื้อเอง-รับบริจาค ส่วนผู้ได้รับผลกระทบจากการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ของรัฐบาล รวมตัวฟ้องนายกฯและพวก

สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในไทยเริ่มดีขึ้น จากยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ทำให้รัฐบาลโดย ศบค.ลดเวลาเคอร์ฟิว ผ่อนคลายการทำกิจกรรมได้มากขึ้น แต่ยังขยายเวลาการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปอีก 2 เดือน

ศบค.โอ่สถานการณ์โควิดดีขึ้น

ที่ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยนายกฯ กล่าวว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ต้องไม่ประมาทยังต้องเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ทั่วถึง และต้องติดตามการกระจายเวชภัณฑ์ ขยายรูปแบบ Sandbox ในส่วนกิจการกิจกรรมอื่นๆ ให้มากขึ้น อาทิ ปรับกิจกรรมภายในโรงแรมเพื่อรองรับการท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวและการเปิดประเทศต่อไป และขอฝากให้ สธ.ช่วยพิจารณาช่วยเหลืออุตสาหกรรมบันเทิง ศิลปินพื้นบ้าน พร้อมยังฝากให้สาธารณสุข ช่วยดูแลการบริหารจัดการวัคซีนสำหรับเด็กเล็กและรับทราบแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับชาวต่างประเทศและแรงงานต่างด้าวโดยจะเริ่ม 1 ต.ค.นี้

...

ป่วยปากน้ำตายแซง กทม.

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,288 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 10,149 คน รักษาหายป่วยเพิ่มขึ้น 12,494 คน อยู่ระหว่างรักษา 120,156 คน อาการหนัก 3,341 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 728 คน เสียชีวิตอีก 101 คน จังหวัดที่พบผู้เสียชีวิต มากสุดคือ สมุทรปราการ 16 คน รองลงมาคือ กทม.12 คน ขณะที่ กทม.ยังพบผู้ติดเชื้อสูงสุดคือ 1,785 คน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,571,926 คน ยอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,435,401 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 16,369 คน ส่วนวันที่ 26 ก.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 175,296 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ทั้งสิ้น 50,566,651 โดส

ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกถึงผลการประชุม ศบค.เห็นชอบให้มีการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นครั้งที่ 14 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ถึง 30 พ.ย. ทั้งนี้แม้ พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ. โรคติดต่อจะผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว แต่ยังต้องมีการเตรียมเปลี่ยนผ่านจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาเป็น พ.ร.ก.ดังกล่าว ในส่วนของหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ศบค. คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จึงให้ฝ่ายปกครอง กระทรวง มหาดไทย รวมถึงกระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาเรื่องนี้ให้มีความรอบคอบก่อน นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค.ยังได้พิจารณาว่าเราจำเป็นต้องเข้มข้นมาตรการส่วนบุคคลมากขึ้น ส่วนมาตรการทางสังคมยังคงเดิม

10 กิจการดำเนินการได้แล้ว

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่าที่ประชุม ศบค.ได้มีการปรับมาตรการสำหรับกิจการและกิจกรรมที่ถูกปิดไปตามข้อกำหนดฉบับที่ 28 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 10 กิจการ กิจกรรม ประกอบด้วย 1.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและวัยก่อนเรียน เปิดได้ โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด 2.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดเอกชน ห้องสมุดชุมชน และบ้านหนังสือ 3.พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถาน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในลักษณะเดียวกัน แหล่งประวัติ ศาสตร์ และโบราณสถาน 4.ศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม และหอศิลป์ ให้เปิดได้ แต่จำกัดจำนวนผู้เข้าชมไม่เกินร้อยละ 75 5.ร้านทำเล็บ เปิดได้โดยนัดหมายล่วงหน้า 6.ร้านสัก เปิดได้โดยนัดหมายล่วงหน้า และลูกค้าได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ หรือตรวจ ATK หรือ RT-PCR ผลเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง

โรงหนังเปิดได้แต่จำกัดผู้ชม

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า 7.สถานประกอบเพื่อสุขภาพ นวดสปา เปิดได้โดยนัดหมายล่วงหน้า จำกัดเวลาบริการไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อคน โดยลูกค้าต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ หรือตรวจ ATK หรือ RT-PCR ผลเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง แต่ยังไม่เปิดบริการอบไอน้ำ 8.ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ฉายภาพยนตร์ เปิดได้ถึง 21.00 น. จำกัดจำนวนผู้เข้าชม ร้อยละ 50 และนั่งที่เว้นที่ แต่ถ้ามาด้วยกันให้นั่งด้วยกันได้ ห้ามรับประทานอาหาร 9.การเล่นดนตรีในร้านอาหาร ให้เปิดดำเนินการได้ โดยจำกัดจำนวนนักดนตรีไม่เกิน 5 คน และต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา นักร้องสามารถถอดหน้ากากอนามัยเฉพาะเวลาร้องเพลง และ 10.ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ ยังไม่เปิดดำเนินการ ให้ติดตามสถานการณ์อีก 2-4 สัปดาห์ เนื่องจากทำให้มีการเดินทางเข้าร่วมอบรมสัมมนาจากหลายพื้นที่

ลดเคอร์ฟิว-ห้างเปิดถึง 3 ทุ่ม

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯเห็นชอบปรับเงื่อนไขมาตรการสำหรับกิจการ กิจกรรม ในพื้นที่สีแดงเข้ม ได้แก่ 1.การห้ามออกนอกเคหสถานจากเดิมเวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ปรับลดลงเป็นเวลา 22.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น อย่างน้อย 15 วัน 2.ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า จากเดิมเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น. ปรับมาเป็นเปิดได้ถึง 21.00 น. โดยอนุญาตให้เปิดสถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา ห้องออกกำลังกาย ฟิตเนส สระว่ายน้ำ แต่ยังไม่เปิดในส่วนของตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม สวนสนุก สวนน้ำ และห้องประชุมจัดเลี้ยง 3.ร้านสะดวก ตลาดสด ตลาดนัด เฉพาะจำหน่ายเครื่องอุปโภค บริโภค จากเดิมให้เปิดถึง 20.00 น.ปรับมาเป็นเปิดได้ถึง 21.00 น.

...

ดูกีฬากลางแจ้งแบบมีเงื่อนไข

4.กีฬากลางแจ้ง ในร่มที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศ หรือในร่มที่มีเครื่องปรับอากาศ จากเดิมที่ให้กีฬากลางแจ้งหรือในที่ร่มที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวกและไม่มีเครื่องปรับอากาศ เปิดได้ถึง 20.00 น. ปรับมาเป็นเปิดให้ดำเนินการได้ทุกประเภทกีฬาไม่เกิน 21.00 น. กรณีกีฬาในร่มจัดการแข่งขันได้ โดยไม่มีผู้ชม กีฬากลางแจ้งจัดการแข่งขันได้ โดยมีผู้ชมไม่เกินร้อยละ 25 ของความจุผู้ชม และผู้ชมต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ หรือตรวจโควิด-19 แล้วผลเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.กระนั้นยังคงระดับพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด และพื้นที่สีอื่นๆเหมือนเดิม

ลดกักตัวเข้าไทยเหลือ 7 วัน

นพ.ทวีศิลป์ระบุอีกว่า ที่ประชุมฯยังมีมติปรับลดเวลากักกันสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ ที่ต้องกักกันในสถานกักกันทุกรูปแบบ ทุกประเภท ให้มีผลเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป โดยให้ปรับลดระยะเวลากักกันในสถานที่กักกันของรัฐ สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยในทุกช่องทางที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์มาแล้วอย่างน้อย 14 วันให้กักตัวอย่างน้อย 7 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 0-1 ครั้งสอง วันที่ 6-7 ส่วนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศซึ่งโดยสารมาทางเครื่องบิน และไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ให้กักตัวอย่างน้อย 10 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 0-1 ครั้งสองวันที่ 8-9 ขณะที่ผู้เดินทางเข้าประเทศ ไทยทางช่องทางบก และไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ให้กักตัวอย่างน้อย 14 วัน และตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 0-1 ครั้งสองวันที่ 12-13 ส่วนผู้ดินทางเข้าประเทศไทยทางน้ำ จะต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนทุกคน นอกจากนี้ ยังเห็นชอบปรับมาตรการทำกิจกรรมสำหรับการเข้าพักที่โรงแรมกักตัวทางเลือกหรือ Alternative Quarantine (AQ) อนุญาตให้ทำกิจกรรมออกกำลังกายกลางแจ้ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน สั่งซื้อสินค้าและอาหารจากภายนอก และประชุมสำหรับนักธุรกิจระยะสั้นได้ ส่วนสถานกักกันของรัฐ หรือ State Quarantine (SQ) และสถานที่เอกเทศ Organizational Quarantine (OQ) อนุญาตให้ทำกิจกรรมออกกำลังกายกลางแจ้ง สั่งซื้อสินค้าและอาหารจากภายนอกได้

...

10 พื้นที่ 4 จว.เที่ยวได้ 1 ต.ค.นี้

ส่วนการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.มีมติเห็นชอบแนวทางการเปิดพื้นที่ นำร่องการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อยมาก หรือพื้นที่สีฟ้า โดยกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับลักษณะและความพร้อมของพื้นที่สีฟ้า คือการจัดพื้นที่ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งจังหวัด รวมถึงการจัดพื้นที่ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยว ได้ทั้งอำเภอ ตำบล หรือหมู่บ้าน ซึ่งขึ้นอยู่กับความ พร้อมของพื้นที่ สำหรับระยะเวลานำร่องระหว่างวันที่ 1-31 ต.ค.64 ถือเป็นพื้นที่ด้านเศรษฐกิจ เป็นเมืองหลัก เป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวของต่างชาติ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด ประกอบด้วย 4 จังหวัด ที่เริ่มดำเนินการแล้วได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) พังงา (เขาหลัก เกาะยาว) และ กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ คลองม่วง ทับแขก)

กางแผนเปิด 10 จว. พ.ย.นี้

สำหรับพื้นที่นำร่องระยะที่ 1 ที่จะเริ่มระหว่างวันที่ 1-30 พ.ย.64 ซึ่งเป็นพื้นที่ด้านเศรษฐกิจ มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า ร้อยละ 15 ของรายได้ จากการท่องเที่ยวทั้งหมด จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระบี่ ทั้งจังหวัด พังงาทั้งจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะ ตำบลหัวหิน และตำบลหนองแก เพชรบุรี เฉพาะเทศบาล เมืองชะอำ ชลบุรี เฉพาะเมืองพัทยา อ.บางละมุง ตำบล จอมเทียน ตำบลบางเสร่ ระนอง เฉพาะเกาะพยาม เชียงใหม่ เฉพาะอำเภอเมือง อ.แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า เลย เฉพาะ อ.เชียงคาน และบุรีรัมย์ เฉพาะอำเภอเมือง

...

นำร่องระยะ 2 อีก 20 จว.

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ส่วนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 1-31 ธ.ค.64 เป็นพื้นที่ด้าน เศรษฐกิจ เป็นเมืองหลักหรือจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 จากการ ท่องเที่ยวทั้งหมด หรือเป็นจังหวัดที่มีสินค้า การท่องเที่ยว ด้านศิลปวัฒนธรรม หรือเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อ กับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 20 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ หนองคาย สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ตราด ระยอง ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส

13 จังหวัดให้เปิดเที่ยว 1 ม.ค.65

พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวระยะ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 เป็นต้นไป เป็นพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจ จังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 13 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี ตาก นครพนม มุกดาหาร บึงกาฬ อุดรธานี อุบลราชธานี น่าน กาญจนบุรี ราชบุรี สตูล ซึ่งพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวระยะที่ 3 นี้ จะต้องมีมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 โดยสามารถปรับให้เป็นไปตามระดับของพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักรตามพื้นที่เฝ้าระวังได้ โดยต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร อย่างรอบคอบและมีระบบ ติดตามมาตรการอย่างเข้มแข็ง แต่ที่ต้องเน้นย้ำคือมาตรการแบบครอบจักรวาลและโควิด ฟรี เซตติ้ง แต่ยังคงต้องปิดสถานบริการ สถานบันเทิง และสถานบริการอื่นในลักษณะคล้ายกัน โดยไม่จำกัด การเดินทาง ส่วนการจัดกิจกรรม ห้ามรวมคนมากกว่า 500 คน ร้านอาหารสามารถบริโภคในร้านได้ตามปกติ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้ตามปกติ ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม เปิดบริการได้ตามปกติ สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน หรือกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก สถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดบริการและจัดการแข่งขันได้ทุกประเภท แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นไปตามมาตรการที่ราชการกำหนด

ยังไม่ใช้สูตรไขว้กับซิโนฟาร์ม

นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวถึงแผนการบริหารจัดการวัคซีนว่า ที่ประชุมอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค แนะนำว่าการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มแบบสูตรไขว้ อาจใช้หลักการเดียวกับวัคซีนซิโนแวค แต่เนื่องจากต้องรอข้อมูลจากผลวิจัยเพิ่มเติม จึงยังไม่กำหนดเป็นสูตรหลักของประเทศ การใช้สูตรนี้จึงเป็นไปตามเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนอนุญาตการใช้วัคซีนโดย อย.และตามความสมัครใจของผู้รับวัคซีน และดุลพินิจของผู้ให้บริการ ส่วนแผนการจัดหาวัคซีน ที่ภายในปี 2564 จะจัดหาได้ทั้งหมด 178.2 ล้านโดส โดยตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.จะมีวัคซีนเข้ามารวม 50 ล้านโดส ทั้งซิโนแวค แอสตราเซเนกา ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา เมื่อรวมกับที่เข้ามาก่อนหน้านี้ 128.2 ล้านโดส จะเป็น 178.2 ล้านโดส ซึ่งเป้าหมายการฉีดวัคซีน ในเดือน ต.ค.ตั้งเป้าฉีดให้ครอบคลุมประชากรทั้งหมด รวมชาวต่างประเทศในไทย อย่างน้อยร้อยละ 50 ทุกจังหวัด และอย่างน้อย 1 อำเภอ ครอบคลุมร้อยละ 70 เดือน พ.ย. ครอบคลุมผู้ได้รับ เข็ม 1 อย่างน้อยร้อยละ 70 รวมถึงกลุ่มอายุ 12-17 ปี และเดือน ธ.ค.ครอบคลุมผู้ได้รับเข็ม 1 และเข็ม 2 อย่างน้อยร้อยละ 80 และ 70 ตามลำดับ

จ่อซื้อต่อวัคซีนสเปน-ฮังการี

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอว่า ประเทศในสหภาพยุโรปพร้อมขายต่อวัคซีนให้ในราคาถูกที่ต่ำกว่าตลาด คือ ประเทศสเปน ขายแอสตราเซเนกา 165,000 โดส ในราคาโดสละ 2.9 ยูโร และไฟเซอร์ 2,788,110 ล้านโดส ราคาโดสละ 15.5 ยูโร ประเทศฮังการีขายแอสตราเซเนกา 4 แสนโดส ราคาโดสละ 1.78 ยูโร โดยมีค่าใช้จ่ายอื่นๆร่วมด้วยคือ ค่าบรรจุภัณฑ์ และที่ควบคุมอุณหภูมิ ค่าขนส่ง ค่าภาษี ศุลกากรขาออก-ขาเข้า ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าประกัน ความเสียหาย นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เสนอขอขยายระยะ เวลาเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) ไปอีก 1 ปี เพื่อนำเม็ดเงิน เข้ามาสู่ประเทศไทย

39 ร้านอาหารฟ้องเรียก 50 ล้าน

วันเดียวกัน ที่ศาลแพ่ง นายดวงฤทธิ์ บุนนาค เจ้าของบริษัท เดอะเนฟเวอร์ เอนดิ้ง ซัมเมอร์ จำกัด ตัวแทนผู้ประกอบการ จำนวน 39 ราย พร้อม นาง ส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความ มายื่นฟ้อง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 5 คน ฐานความผิดละเมิดค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท โดยขอดำเนินคดีแบบกลุ่มหรือคลาสแอ็กชัน โดยฟ้องใจความว่าในช่วงสถานการณ์โควิดระบาด จำเลยและส่วนราชการ บริหารสถานการณ์ผิดพลาด ทำให้กิจการของพวกโจทก์เสียหาย หลังยื่นฟ้อง นาง ส.รัตนมณี เผยว่า ลูกความได้ฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และ กทม. ในฐานะกำกับดูแลการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 โดยที่ผ่านมา ผู้ประกอบการร้านค้าและเครื่องดื่มได้รับผลกระทบ เบื้องต้นรวบรวมได้ 39 ราย มองว่าเป็นการบริหารงานที่ผิดพลาด ทั้งการเตรียมความพร้อม การจัดสรรวัคซีน การออกประกาศข้อกำหนดต่างๆเป็นการฟ้องแพ่งแบบกลุ่ม ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการทุกประเด็น รวมถึงการออกข้อกำหนดต่างๆออกในช่วง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงต้องฟ้องที่ศาลแพ่ง ทั้งนี้ ศาลแพ่งรับฟ้องเป็นคดีดำที่ พ.4412/2564 นัดพิจารณาวันที่ 9 พ.ย.64 เวลา 09.00 น.

คปป.ฟ้อง ปอท.เอาผิดนายกฯ

ส่วนที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการ ทุจริตฯ (บก.ปปป.) เวลา 13.00 น.พท.ญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เลขาธิการ เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ (คปป.) เข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สธ. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม ในฐานความผิดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา ม.59,157,291 ประกอบ ม.83,84,86 จากสถานการณ์การแก้ไขปัญหาโรคไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลดำเนินการผิดพลาดและกำหนดแนวนโยบาย บริหารจัดการที่สร้างปัญหาทำให้ประชาชนสูญเสียชีวิต ทั้งๆที่สามารถป้องกันได้ และใช้งบประมาณไม่คุ้มค่าปฏิบัติหน้าที่ขัดรัฐธรรม นูญ ม.47, 55,78 และ ป. อาญา ม. 59,157,291 ประกอบม. 83,84,86 เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและประเทศชาติ เบื้องต้น ผบก.ปปป.ได้ให้พนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้เพื่อพิจารณา

ททท.ยันจัดต่อแต่ปรับรูปแบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า กรณี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ใช้งบประมาณ 16 ล้านบาท จัดมินิคอนเสิร์ต ในโครงการ “THAILAND SHA SHA SHA” ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ระหว่างวันที่ 24 ก.ย.-3 ต.ค.64 อ้างกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่เกิดกระแสคัดค้านจากชาวกระบี่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ยังรุนแรง ต่อมาวันที่ 27 ก.ย.ที่หน้าศาลากลาง จ.กระบี่ นายพลัง หนูเหลือ อายุ 19 ปี พร้อมตัวแทนเยาวชนกลุ่มกระบี่ไม่ทน จำนวน 5 คน มายื่นหนังสือข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการจัดงานดังกล่าวต่อ พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผวจ.กระบี่ เพื่อให้คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กระบี่ มีคำสั่งให้ระงับการจัดงานที่จัดไปแล้ว 3 วัน และยังมีกำหนดจัดไปจนถึงวันที่ 3 ต.ค.นี้ โดยมีนายสมปอง รัตนะ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.กระบี่ เป็นตัวแทนมารับหนังสือ ขณะเดียวกัน น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของสื่อในท้องถิ่น ระบุว่าโครงการ “Thailand SHA SHA SHA” เป็นการจัดขึ้นภายใต้มาตรฐาน SHA การจัดกิจกรรมจะคำนึงถึง 1.ชุมชนต้องพร้อม 2.ผู้ประกอบการต้องพร้อม 3.นักเดินทางต้องพร้อม ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าว มีงบประมาณ 16 ล้านบาท แต่ใช้จริงประมาณ 15 ล้านบาท และคิดว่าการจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะต้องแยกทำ 3 พื้นที่ ใช้งบพื้นที่ละ 5 ล้านบาท ยืนยันว่ากิจกรรมดังกล่าว ไม่สามารถยกเลิกจัดได้ แต่กำลังหารือกับจังหวัด อาจจะปรับรูปแบบของการทำกิจกรรมแทน เพื่อให้คนในพื้นที่เกิดความสบายใจ แต่ในอีก 2 จังหวัด คือภูเก็ต และพังงา จะยังคงรูปแบบเดิม

พนง.กฟภ.ดับหลังฉีดซิโนฟาร์ม

ส่วนที่ จ.ราชบุรี ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายคมสัน ชมภูพันธ์ อายุ 36 ปี ลูกชายของนายนิยม ชมภูพันธ์ อายุ 58 ปี พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.จอมบึง ผู้เสียชีวิตที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชจอมบึง เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ของวันที่ 26 ก.ย. หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม เข็มที่ 2 ที่หอประชุมเทศบาลริมน้ำเทศบาลโพธาราม เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 ก.ย.โดยฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม เข็มที่ 1 ที่เดียวกันเมื่อวันที่ 30 ส.ค. โดยนายคมสันระบุว่า หลังบิดาฉีดวัคซีนแล้วกลับมาพักผ่อนที่บ้านก่อนไปเข้าเวรทำงานในช่วงเย็น แต่ต่อมาเวลา 20.00 น. ลูกน้องพ่อโทร.มาบอกว่าพ่อ มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และมีอาการเกร็งชักกระตุก เพื่อนร่วมงานจึงนำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ครอบครัวคาใจในการเสียชีวิต จึงขอให้ รพ.สมเด็จพระยุพราชจอมบึง นำร่างพ่อส่ง รพ.ราชบุรี เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง ทั้งนี้ตนกับญาติมั่นใจว่าสาเหตุที่ทำให้พ่อเสียชีวิต น่าจะมาจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเยียวยาด้วย