ผมเขียนไปเมื่อวาน เรียกร้องนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เร่งแก้ไข “ปัญหาอำนาจรัฐ” ที่ “เป็นอุปสรรค” ทำให้ ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการตรวจเชื้อโควิด-19 และ การรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 วันนี้มีข่าวดีแล้วครับ กรมการแพทย์ และ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพิ่งออกประกาศ ปลดล็อกการเข้าถึงการตรวจเชื้อโควิด-19 ใน โรงพยาบาลเอกชน และ ห้องแล็บเอกชนอีกกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ ไม่ต้องไปยืนตากฝน นอนตากยุงข้ามคืน รอคิวตรวจเชื้อโควิด-19 อย่างที่เห็นในข่าวทุกวันด้วยความเศร้าสลดใจ ทำให้มีคนโพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า รู้สึกเหมือนไปขอทานจากรัฐบาล

การปลดล็อกโรงพยาบาลเอกชน ให้ตรวจเชื้อโควิด-19 ได้โดยไม่บังคับให้รับรักษา ได้ประกาศลงใน ราชกิจจานุเบกษา เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. มีผลบังคับใช้ทันที

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีประชาชนต้องการตรวจหาเชื้อจำนวนมาก และพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านมาจึงได้ประชุมกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน โดยอนุญาตให้ใช้การตรวจหาเชื้อแบบ Rapid Antigen Test เพื่อให้ตรวจหาเชื้อได้เร็วขึ้น ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป หากพบผู้ติดเชื้อก็จะมีระบบการดูแล 2 แนวทางคือ

แนวทางที่ 1 หากโรงพยาบาลเอกชนมีเตียง ประเมินผู้ติดเชื้อ เบื้องต้นพบว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ควรรักษาในโรงพยาบาล เช่น อาการหนัก อายุมาก เป็นกลุ่มเสี่ยง ให้หาเตียงรองรับ

แนวทางที่ 2 หากผู้ติดเชื้อแข็งแรงดี ไม่มีอาการ สถานพยาบาลเอกชนสามารถดำเนินมาตรการ “แยกกักตัวที่บ้าน” (Home lsolation) ได้ทันที แต่ต้องเป็นความสมัครใจจากผู้ติดเชื้อ

...

นพ.ธเรศ กล่าวว่า ได้จัดทำ ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สถานพยาบาลอื่นซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล เฉพาะผู้ป่วยโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ณ ที่พำนักของผู้ป่วย (Home lsolation) เป็นการชั่วคราว และ ทำหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายการแยกกักตัวที่บ้าน เพื่อไม่ให้เป็นภาระของประชาชน เพื่อเสนอ ครม.อนุมัติต่อไป

ในเบื้องต้นพบว่า สถานพยาบาลภาคเอกชนเกือบทุกแห่ง มีระบบการดูแลผู้ป่วยที่บ้านอยู่แล้ว เช่น Telemedicine ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ระบบการเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้าน Home Health Care จึงขอความร่วมมือสถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง ให้ตรวจหาผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ และ ให้ใช้วิธีการแยกกักตัวที่บ้าน (Home lsolation) เป็นช่องทางหนึ่งที่จะ ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการตรวจเชื้อ การเข้ารับการรักษา และ ทราบวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ลดการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นในครอบครัวและชุมชน

ผมฟัง ท่านอธิบดีธเรศ แถลงแล้วก็สบายใจ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มาถูกทางแล้ว การเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขทุกทาง จะทำให้เกิดความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน เพื่อฟันฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน โดยไม่มีอุปสรรครัฐมาขวาง ภาพอันน่าสลดใจที่เห็นอยู่ทุกวัน ผู้ติดเชื้อสูงอายุผู้หญิงและเด็กนอนรอความตายอยู่ในบ้าน เพราะหาที่ตรวจเชื้อไม่ได้ โรงพยาบาลทุกแห่งเตียงเต็ม ไม่มีใครยอมรับตรวจ คนที่อยากตรวจเชื้อก็หาที่ตรวจไม่ได้ กลายเป็นผู้แพร่เชื้อใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าทนไม่ไหวก็ต้องไปตากฝนตากยุงนอนรอคิวตรวจกันข้ามคืน ภาพเหล่านี้จะได้หายไปเสียที

การปลดล็อกครั้งนี้ ได้บุญยิ่งกว่าทำบุญประเทศ เพราะ ทำบุญกับชีวิตประชาชน

เขียนมาถึงตรงนี้ก็มีข่าวดีมาว่า คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข นัดหารือกับ อย. เมื่อวาน พิจารณาอนุญาตให้ประชาชนซื้อ Rapid Antigen Test มาตรวจเชื้อด้วยตัวเองได้ เหมือนที่อังกฤษ แต่อาจจะให้ตรวจเฉพาะผู้มีอาการและมีประวัติเสี่ยง ผมว่าเปิดกว้างไปเลยครับ เช้าก่อนออกจากบ้านค่ำก่อนเข้าบ้าน เอาชุดคิทมาแยงจมูกปาดน้ำลายตรวจเองเลย จะได้รู้ว่ามีเชื้อโควิดหรือไม่ ที่อังกฤษเขาแจกฟรีให้ประชาชนเลย ไม่ต้องซื้อเอง.

“ลม เปลี่ยนทิศ”