ในสภาวะเศรษฐกิจซบเซาขนาดนี้ เป็นหน้าที่รัฐในการแก้ไขเยียวยาประคับประคองให้เศรษฐกิจของประเทศอยู่รอดเพื่อรอการฟื้นฟูในวันข้างหน้า ปรากฏว่าเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นกับธุรกิจสื่อ ที่อดวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ คือ การเข้มงวดเอาจริงเอาจังกับการทำหน้าที่ของ กสทช.ชุดนี้ โฆษณาที่จะเข้ามาสนับสนุนรายการ ต่างๆทางทีวีดิจิทัล กว่าจะได้มาแต่ละตัวเลือดตาแทบกระเด็น ซึ่งมีหลายรูปแบบ กสทช.ก็พยายามจะมาตรวจสอบสอดส่องเอาทุกเม็ดไม่มีการอนุโลมให้เป็นไปตามสภาพของวิกฤติเศรษฐกิจ ในท้ายที่สุดจริงๆ ซึ่งก็ใกล้จะเป็นจริง ถ้าทีวีดิจิทัลแบกรับภาระไม่ไหวก็ต้องยุติกิจการและจะกลายเป็นภาระของรัฐเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อีกเรื่อง คือ การเปิดเสรีดาวเทียมไทย มีข่าว พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาฯ กสทช. ได้แจ้งว่า ที่ประชุม กสทช. เห็นชอบ ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าถึงวงโคจรดาวเทียม ในลักษณะเป็น Package โดยกำหนดกรอบเวลาในการประมูลวันที่ 24 ก.ค.ที่จะถึงนี้ เพื่ออนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมครั้งแรกของไทย

กำหนดให้ผู้เข้าร่วมประมูลต้องผ่านเกณฑ์ด้านประสบการณ์ก่อน จึงจะสามารถเข้าร่วมแข่งขันการประมูลได้ โดยจะใช้วิธีการประมูลทีละชุด ซึ่งถือว่า เป็นการเปลี่ยนผ่านระบบสัมปทานไปสู่ระบบการอนุญาต ทั้งนี้ การให้สัมปทานดาวเทียมไทยคมจะสิ้นสุดในวันที่ 10 ก.ย.นี้เช่นกัน ดังนั้น การเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้มีความสำคัญกับการสื่อสารและโทรคมนาคมของประเทศเป็นอย่างมาก

เมื่อเรื่องไม่ธรรมดาก็ย่อมมีความไม่ธรรมดาเกิดขึ้น หลังเริ่มขั้นตอนกระบวนการตั้งแต่เดือน พ.ค.เป็นต้นมาพบความไม่ปกติบางอย่าง โดยเฉพาะการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องของ คนมีสี ระดับบิ๊ก แถมยังใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ในประเทศนี้เสียด้วย ทำให้สังคมเพ่งเล็งเป็นพิเศษ

...

มี บริษัทเส้นกวยจั๊บ ที่เป็นลูกท่านหลานเธอ ประสงค์ที่จะเข้ามาร่วมแจมด้วย ทั้งๆที่บริษัทดังกล่าวมีการบริหารงานขาดทุนมาโดยตลอด ข้อแรกก็ขาดคุณสมบัติที่จะมาทำงานระดับชาติแบบนี้

ก่อนที่จะลุกลาม รมว.ดิจิทัลฯ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ได้ออกมาท้วงติงที่จะให้มีการเริ่มกระบวนการขออนุญาตเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เพราะเล็งเห็นว่าผลกระทบที่จะตามมาหนักหนาสาหัสแน่นอน อย่าลืมว่าระบบดาวเทียมไม่ใช่เป็นแค่ธุรกิจ แต่มีส่วนสำคัญในเรื่องของความมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง

ในส่วนของ กสทช. เองก็กำลังที่จะมีการสรรหากรรมการชุดใหม่ ซึ่งชุดที่ทำหน้าที่ในปัจจุบันอยู่ในลักษณะของรักษาการเท่านั้น เรื่องใหญ่เรื่องโตระดับชาติขนาดนี้ก็สมควรที่จะรอให้ กรรมการชุดใหม่ที่จะต้องเข้ามารับผิดชอบตัดสินใจเองดีไหม

สุดท้ายไม่พ้นที่จะต้องฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่ดี เพราะงานใหญ่ขนาดนี้ เกิดมีคนไปอ้างชื่อไปในทางที่ไม่ชอบเข้าท่านผู้นำก็จะเสียรังวัด เพราะฉะนั้นถ้าจะเบาได้ก็ให้รีบเบา เอาไว้ก่อน.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th