ผมเป็นแฟนประจำข้อเขียนรายวันของท่านอาจารย์ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันมารับหน้าที่เป็นประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ศูนย์รังสิต
ท่านอาจารย์จะเขียนบอกเล่าถึงสถานการณ์สู้รบกับโควิด-19 ในแนวรบเล็กๆที่ท่านรับผิดชอบ (คือที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ) ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในแต่ละวัน? ติดต่อกันมาถึง 80 กว่าวันแล้ว นับตั้งแต่เกิดระบาดระลอกที่ 3
เมื่อ 2 เดือนก่อนผมเคยคัดลอกข้อเขียนของท่านอาจารย์มาลงอยู่วันหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงแรกๆของการระบาดระลอกใหม่และธรรมศาสตร์ ได้หวนกลับมาเปิดโรงพยาบาลสนามเพื่อช่วยสู้สงครามโควิด-19 อีกครั้ง
แม้สถานการณ์ขณะนั้นจะดูรุนแรงกว่าการระบาดในช่วงปีที่แล้ว...แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งรัฐบาลไทย กระทรวงสาธารณสุขไทยต่างก็มีความหวังและมีความเชื่อมั่นว่าจะสู้กับโรคร้ายนี้ได้เหมือนอย่างที่เคยสู้และเอาชนะมาได้ในรอบแรก
ข้อเขียนของอาจารย์ก็สะท้อนความหวังอยู่ไม่น้อยทีเดียว
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า สถานการณ์ดูเหมือนหนักยิ่งขึ้น และปัญหาก็รุนแรงยิ่งขึ้น...เราลองมาอ่านข้อเขียนชิ้นล่าสุดของอาจารย์สุรพลกันดูนะครับว่าท่านรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ปัจจุบัน
วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม
วันนี้เป็นวันที่เท่าไรของ รพ.สนามไม่ทันได้นับ เพราะเรามัวแต่ไปนับตัวเลขที่ทำให้ใจหายอีกหลายๆชุดแทน
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ของ (ประเทศ) วันนี้เพิ่มกว่า 6,200 คน สูงสุดในช่วงนี้ และผู้ป่วยผลบวกจากการ swab ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ก็สูงสุดทำลายสถิติรายวันของเรา คือ 44 คน
ผู้ป่วยที่รีเฟอร์มาจาก รพ.ต่างๆเข้า รพ.สนามธรรมศาสตร์วันนี้มีอีก 42 คน ทำให้จำนวนผู้ป่วย (ใน รพ.สนาม) แตะหลัก 400 คน
...
วันนี้เราต้องรับแอดมิตบุคลากรของ รพ.ธรรมศาสตร์ เข้าเป็นผู้ป่วยในวอร์ดโควิดของเราเอง อีก 3-4 ราย ไม่รวมคนที่ต้องกักตัวอีกจำนวนหนึ่ง
วันนี้เรามีผู้ป่วยที่ตรวจเป็นบวกที่ค้างการแอดมิตและเคสอาการหนักที่ถูกขอรีเฟอร์มาจาก รพ.อื่นๆ ค้างรวมอยู่มากกว่า 50 คน
สถานการณ์เช่นนี้ หรือที่มีตัวเลขใกล้ๆกันนี้เป็นมา 2 สัปดาห์แล้ว และคงจะเป็นต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ โดยที่เรามีบุคลากรที่ตรากตรำทำงานหนัก ในจำนวนเท่าเดิมหรือน้อยลงเรื่อยๆ เกือบจะเป็นไปไม่ได้แล้วที่เราจะรับผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้นอีก ไม่ว่าจะใน รพ.หลักหรือ รพ.สนาม และการเพิ่มเตียงผู้ป่วยโควิดอีก 2 วอร์ด ของเราในสัปดาห์หน้า คงช่วยให้สามารถชะลอการเต็มล้นของผู้ป่วยไปได้สัก 2 วันเท่านั้น หากจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวัน (ทั้งประเทศ) ยังคงอยู่ในระดับ 5,000-6,000 คนเช่นนี้
พวกเรารู้ว่าอะไรรออยู่ข้างหน้า แต่พวกเราก็จะก้มหน้ากับการทำงานที่หนักอึ้งต่อไปจนถึงที่สุด หรือจนถึงวันสุดท้ายที่ไปต่ออีกไม่ได้แล้ว เพราะเรารู้ว่าสิ่งที่พวกเราทำอยู่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้คนไทยยังพอมีความหวัง และความมั่นใจเหลืออยู่บ้าง ในวิกฤติที่มืดมนนี้
#พวกเราที่นี่ยังคงสัญญาเหมือนเดิมว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเราจะเข้มแข็ง จะอดทน จะยืนหยัด และจะขอเป็นโรงพยาบาลสุดท้ายที่จะหยุดรับผู้ป่วยโควิด /Surapon Niti
ซูมหมายเหตุ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาจารย์ยืนยัน แต่จะยืนยันทุกครั้งในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อสถานการณ์ยังคงหนักขึ้นเรื่อยๆ
มีอยู่วันหนึ่งอาจารย์ติดแฮชแท็กว่า #“เหลือง” ของเราคือ “ธรรม” ประจำจิต “แดง” ของเราคือ “โลหิต” อุทิศให้ และวันนี้อาจารย์ก็ติดแฮชแท็กว่า #ขอเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ “โดม” ยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย
ขอบคุณอาจารย์สุรพล และน้องๆนักรบเสื้อกาวน์ ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติทุกคน...พวกคุณทำให้พวกเราศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ทั้งหลายภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
ผมขอติดแฮชแท็กบ้าง #สู้สู้ สู้ตาย ไว้ลาย น้องเอ๋ย! นี่คือเพลงเชียร์ที่เราตะโกนกึกก้องจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนถึงบัดนี้ และจะคงอยู่เป็นสัญลักษณ์สืบไปตราบกาลนิรันดร์.
“ซูม”