โซเชียลร้อน ประชาชนแห่แจ้งเบาะแสกลโกงโครงการ “คนละครึ่ง” ทั่วประเทศ “สืบ นครบาล” จับมือ “บก.น.9” ดำเนินคดี 21 ผู้ต้องหาร่วมฉ้อโกงโครงการคนละครึ่งครบวงจร ทั้งร้านค้าและผู้ได้รับสิทธิ์ โกงกันหน้าด้านๆ เอาสิทธิ์ไปให้ร้านขายของชำ 150 บาท โดยไม่ได้ซื้อสินค้าจริง รับเงินสดกลับมา 100 บาท เจ้าของร้านอมไป 50 บาท ย้ำดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระทุกคดี “บิ๊กตู่” ลั่นกลางวง ครม. สั่งการให้เอาคนฉ้อโกงสารพัดโครงการช่วยเหลือประชาชนช่วงโควิด-19 มาลงโทษให้ได้ เพราะทำให้โครงการดีๆเสียหาย

กรณี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เผยถึงกรณี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ห่วงใยเรื่องสื่อสังคมออนไลน์ นำเสนอประเด็นกลโกง “เราชนะ” รับซื้อ-ขายสิทธิ์ มีประชาชนแห่ให้ข้อมูลร้านค้าหลายแห่ง เปิดให้ประชาชนแลกเงินในโครงการต่างๆจำนวนมาก ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้ว ความคืบหน้าจาก สน.บางขุนเทียน เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 22 ก.พ. พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผกก.สน.บางขุนเทียน ร่วมกันแถลงผลงานการดำเนินคดีผู้ต้องหา 21 คน ฐานฉ้อโกง หลังสืบทราบว่า มีการใช้สิทธิ์ตามโครงการคนละครึ่งอย่างผิดกฎหมาย ไม่ตรงตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนด

พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ เผยว่า บก.สส.บช.น.รับข้อมูลจากสำนักเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังว่า มีร้านขายของชำร้านหนึ่งตั้งอยู่เลขที่ 725 ถนนเอกชัยซอย 46 แขวงและเขตบางบอน กทม. ลงทะเบียนร่วมโครงการคนละครึ่งกับกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อมาสืบสวนพบว่า รายละเอียดการสแกนซื้อสินค้าและจ่ายเงินมีความผิดปกติ มีการโอนเงินเข้า-ออกจากแอปพลิเคชัน แต่ ไม่มีการซื้อสินค้ากันจริง ถือว่าไม่เป็นไปตามวัตถุ-ประสงค์และทำให้รัฐบาลได้รับความเสียหาย ล่าสุดการสืบสวนพบผู้กระทำความผิดลักษณะเดียวกันในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศทุกภูมิภาค แต่ในท้องที่ บช.น.พบ 21 ราย ท้องที่ สน.บางขุนเทียน ทำผิดกันหลายกรรมหลายวาระ เดินทางมาแจ้งความที่ สน.บางขุนเทียน และดำเนินการกับผู้ต้องหาทั้ง 21 คนถึงที่สุด

...

ด้าน พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 21 คน ประกอบด้วยเจ้าของร้านขายของชำ 1 คน ญาติ 3 คน และลูกค้า 17 คน จากการสืบสวนหาพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดพบว่า แต่ละคนสแกนซื้อสินค้าหลอกๆ เพื่อนำเงิน 150 บาทจากโครงการคนละครึ่งมาใช้จริง ร้านค้าจะจ่ายให้ลูกค้า 100 บาท เจ้าของร้านเก็บไว้เอง 50 บาท ผู้กระทำความผิดแต่ละรายสแกนแลกเงินกันหลายครั้ง หลายวาระ ขณะนี้ดำเนินการสอบสวนรอออกหมายเรียกตัวทั้ง 21 คน เข้าพบพนักงานสอบสวนข้อหาฉ้อโกงแล้วมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีทำผิดหลายกรรมหลายวาระโทษรวมกันจะสูงขึ้นไปอีก ดังนั้นอยากฝากบอกประชาชนและเจ้าของร้านทุกท่านด้วยว่า อย่าโกงกัน เนื่องจากมีโทษหนักและจะซ้ำเติมความเดือดร้อนเข้าไปอีก

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เผยว่า ตามที่รัฐบาลออกมาตรการเยียวยาประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีผู้ที่ส่อเจตนาทุจริตอยู่หลายเรื่อง ย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ตรวจสอบเอาคนเหล่านี้มาลงโทษให้ได้ ไม่ว่าเป็นใคร ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้โครงการต่างๆ ที่ดีๆ ของรัฐบาลเสียหาย การพยายามทำทุกอย่างให้คนประมาณ 40 ล้านคน ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เราพยายามทำอย่างเต็มที่ ส่วนมาตรการทางการเงินได้ออกเพิ่มเติมไปแล้ว ในเรื่องการแบ่งเบาภาระหนี้สินของผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย ขอให้ติดตามการชี้แจงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายกฯ แจ้งในที่ประชุม ครม.ว่า ที่ผ่านมา ดำเนินคดีผู้ฉ้อโกงในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการคนละครึ่งไปแล้ว ขอแจ้งเตือนผู้ที่ได้รับสิทธิ์โครงการเราชนะอย่าทำผิดหลักเกณฑ์ กองปราบปรามตรวจสอบการฉ้อโกงในโครงการฯ ขอย้ำประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้ให้ผลประโยชน์เป็นเงินสดโดยไม่มีการซื้อขายสินค้าอย่างถูกต้อง และผู้ที่เป็นร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเราชนะต้องไม่ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้า ให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ แจ้งหน่วยงานต่างๆ ออกตรวจสอบ ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ เน้นย้ำให้ตั้งป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างชัดเจน หากจำหน่ายในราคาที่สูงเกินจะถูกดำเนินคดี

“ส่วนความคืบหน้าการลงทะเบียนในกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน เปิดให้ลงทะเบียนที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และหน่วยเคลื่อนที่รวม 1,894 แห่ง มีการเพิ่มจุดลงทะเบียนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน สำนักงานคลังจังหวัด สำนักงานสรรพากรพื้นที่ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ และหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย ล่าสุดผู้ลงทะเบียนโดยใช้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด 651,000 คนแล้ว” นายอนุชากล่าว