ททท.ยึดแนวทางให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ยังคงจดจำประเทศไทยเป็น“ที่หนึ่งในใจ” รอวันเดินทางระหว่างประเทศได้จะกลับมาเที่ยวไทยอันดับแรก พร้อมเจาะกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานในไทย(เอ็กซ์แพท)เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่การเดินทางระหว่างประเทศยังไม่สามารถทำได้ปกติ เนื่องจากยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ททท.ในฐานะที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทย ยังต้องสร้าง “Top of Mind” หรือการทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในทุกๆ ประเทศยังจดจำประเทศไทยว่าเป็น “ที่หนึ่งในใจ” เพื่อวันที่ทั่วโลกสามารถเดินทางระหว่างประเทศเป็นปกติ จะได้นึกถึงและเดินทางมาท่องเที่ยวไทยเป็นประเทศแรก

“วิธีการสร้าง Top of Mind ต้องส่งข่าวเกี่ยวกับเมืองไทยไปให้คนในแต่ละประเทศได้ทราบข่าวอยู่เรื่อยๆ ว่าประเทศไทยมีมาตรการอย่างไร สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งสวยงามกว่าเดิม ตอนนี้ต้องเน้น Top of mind ไปแน่นๆ ได้ให้นโยบายทุกสำนักงานในต่างประเทศว่า ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดการเดินทางระหว่างประเทศได้ชัดเจน ฉะนั้น กิจกรรมอะไรที่ทำได้ก็ต้องทำและหาโอกาสพูดคุยกับภาคเอกชนในแต่ละประเทศเยอะๆ เพื่อให้เกิดการสื่อสารอยู่ตลอด จะปล่อยให้หลุดไปไม่ได้ และให้สื่อสารกับภาคเอกชนไทยโดยตรงเป็นวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มีตัวอย่างภายในประเทศจีนยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ และมีการจัดงานอยู่บ่อยๆ ทางสำนักงานของ ททท.5 แห่งในจีน ไปร่วมงานโดยตลอด ไม่ได้นิ่งสนิท เช่น มีการไปสอนมวยไทย ไปร่วมจัดเทศกาลอาหารไทย ไปออกบูธตามงานต่างๆ มีกิจกรรมโดยตลอด ตอนนี้ถือว่าคนจีนไม่ลืมประเทศไทย”

ขณะเดียวกัน มีชาวต่างชาติจำนวนมากที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย (เอ็กซ์แพท) เช่น นักการทูต นักเรียน นักศึกษาชาวต่างประเทศที่อยู่ในไทย คนที่มีครอบครัวคนไทย เจ้าหน้าที่บริษัทภาคเอกชนที่มาประจำอยู่ที่บริษัทบ้าง โรงงานบ้าง เมื่อเล็งกลุ่มเอ็กซ์แพทที่จะมีศักยภาพต่อการท่องเที่ยวของไทย พบว่ามีประมาณ 200,000 – 300,000 คน เป็นคนที่ประจำอยู่ในประเทศไทยจะกลับบ้านก็ไม่ได้ จะเดินทางไปเที่ยวประเทศอื่นก็ไม่ได้มาสักพักใหญ่แล้ว และในอนาคตที่เห็นอยู่ก็น่าจะเป็นแบบนั้น ในขณะที่ประเทศไทยก็ยังไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้อย่างเต็มที่ ททท.จึงใช้โอกาสนี้ส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมการตลาดให้คนกลุ่มนี้ ได้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย

ทั้งนี้ ได้ดำเนินการ 2 แบบ แบบแรกสนับสนุนงบประมาณให้ภาคเอกชน สมาคมโรงแรมไทย สายการบินที่บินในประเทศ ได้ทำแพ็กเกจต่างๆ ราคาพิเศษ สำหรับเสนอขายให้พวกเอ็กซ์แพทโดยตรง ส่วนแบบที่สองจัดเป็นงานแฟร์หรือนิทรรศการทางการท่องเที่ยวที่มีผู้ขายที่เป็นภาคเอกชนไทยได้นำเสนอสินค้าและบริการต่อกลุ่มเป้าหมายที่เชิญและชักชวนมาร่วมงานโดยตรง จัดมาแล้ว 3 ครั้ง

ในครั้งแรกจัดงาน EXPAT TRAVEL DEAL 2020 ขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ ระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน 2563 ได้ผลดีทีเดียว มียอดขายที่ภาคเอกชนขายแพ็กเกจทุกอย่างได้ 7.42 ล้านบาท ซึ่งทุกงานที่จัดขึ้น ททท.ไม่คิดค่าใช้จ่ายหรือค่าสมัครร่วมงานของภาคเอกชน ให้ร่วมงานได้ฟรี ขายได้เท่าไหร่ก็นำกลับไปเท่านั้นเลย

ต่อมาครั้งที่ 2 จัดงาน EXPAT TRAVEL BONUS :THE HEALTHY JOURNEY ระหว่างวันที่ 10-11 ตุลาคม 2563 ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เน้นพวกสินค้าสุขภาพและความงามเป็นหลัก มียอดขาย 10.45 ล้านบาท แสดงว่ามีคนสนใจอยู่ ส่วนครั้งที่ 3 จัดงาน EXPAT TRAVEL DEAL 2020 ที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ ระหว่างวันที่ 20 -22 พฤศจิกายน 2563 ขายได้ 7.91 ล้านบาท และในครั้งที่ 4 เตรียมจัดที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 29-31 มกราคม 2564 โดยครั้งหน้าจะเน้นเรื่อง Family Fun การท่องเที่ยวแบบครอบครัว จะมีสินค้าที่ไปเที่ยวกันได้ทั้งครอบครัว อย่างไรก็ตาม จะขอดูสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกครั้งก่อน โดยจะให้ความร่วมมือกับมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเต็มที่

นายฉัททันต์ กล่าวว่า เอ็กซ์แพทถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ ททท.ให้ความสำคัญ ที่มาช่วยเติมเต็มการส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งในปี 2564 จะทำต่อไปโดยสนับสนุนผ่านทางสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อให้สามารถขายแพ็กเกจได้ ผลพลอยได้ที่คาดหวังไว้คือคนกลุ่มนี้จะไปบอกต่อกับญาติพี่น้อง เมื่อเวลาที่มีการเดินทางระหว่างประเทศได้ปกติจะส่งผลไปต่อเนื่องถึงกันพาญาติมาท่องเที่ยวประเทศไทย

จากการจัดงานใน 3 ครั้งที่ผ่านมา สิ่งที่ได้รับความสนใจซื้อมากที่สุดคือ โรงแรมที่พัก รองลงมาคือ บัตรโดยสารเครื่องบิน และที่ขายได้ดีทุกงานคือ สปา นวดแผนไทย ส่วนแพ็กเกจท่องเที่ยวตามเส้นทางหรือกิจกรรมผจญภัย เป็นลักษณะของการขอข้อมูลไปก่อน แต่ก็ทราบจากทางผู้ประกอบการว่ามีการตามซื้อภายหลังเหมือนกัน สำหรับจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยม ส่วนใหญ่สนใจไปเที่ยวทะเล โดยเฉพาะภาคใต้ รองลงมาเป็นภาคเหนือ ส่วนภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือใกล้เคียงกัน

นอกจากนี้ในระยะกลางและระยะยาว ททท.ได้เตรียมจัดทำเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์ม สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเอ็กซ์แพทได้เข้ามาค้นหาและเลือกซื้อสินค้าท่องเที่ยวได้โดยเฉพาะ โดยจะดึงภาคเอกชนเข้ามา มีแพ็กเกจอะไรดีๆ ก็ให้นำมาใส่ไว้ เสมือนเป็นตลาดนัดสินค้าท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มเอ็กซ์แพทในระยะยาว ทางฝ่ายผู้ขายมีอะไรดีก็นำมาใส่ในแพลตฟอร์มนี้ ส่วนผู้ซื้อก็สามารถเข้ามาดูได้ตลอดเวลาว่ามีแพ็กเกจใดน่าสนใจ

“ในอดีตที่ผ่านมา ททท.ไม่เคยจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มเอ็กซ์แพทโดยเฉพาะ เมื่อก่อนที่เคยจัดจะเป็นลักษณะของเทศกาลทางสังคมมากกว่า เป็นกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ที่มีความสนุกสนาน แต่ครั้งนี้เป็นมิติใหม่ที่ ททท.เจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้ด้วยวิธีการขาย เพื่อให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศในขณะที่เขาไปต่างประเทศไม่ได้ ซึ่งจะช่วยการท่องเที่ยวของไทยได้เยอะทีเดียว”