เปิดมาตรการควบคุมโรค เดินทางเข้า-ออก พื้นที่ 5 จังหวัดควบคุมสูงสุดเข้มงวด ย้ำต้องมีใบอนุญาตการเดินทางจากเจ้าหน้าที่ภูมิลำเนา เริ่ม 7 ม.ค.64


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระบาดใหม่ในประเทศไทย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด วันที่ 6 มกราคม 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) เปิดเผยถึงมาตรการควบคุมโรคในการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ควบคุมสูงสุด 23+5 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ประกอบด้วย สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด จะต้องปฏิบัติ 3 ข้อดังนี้

1. เมื่อไปถึงจังหวัดจะต้องได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิ คัดกรองจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจ
2. ติดตั้งแอปพลิเคชัน "หมอชนะ"
3. สอบถามความจำเป็นในการเดินทาง

สำหรับ 5 จังหวัด (สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด) ที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด ได้มีการเพิ่มมาตรการคือ ผู้เดินทางจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรแสดงตนอื่นๆ ควบคู่กับการแสดงเอกสารรับรองความจำเป็นที่ออกโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. เว้นแต่เป็นบุคคลซึ่งได้รับยกเว้น ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทยกำหนด

...

ส่วนผู้ที่มีความจำเป็นต้องเดินทาง เช่น ผู้ขนส่ง ส่งอาหารหรือสินค้า แม่ค้า หากแสดงเอกสารถูกต้องก็จะสามารถเดินทางผ่านได้

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 17) ประกาศ ณ วันที่ 6 ม.ค. 2564 ในข้อ 4 โทษ ระบุไว้ว่า ผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนด ซึ่งออกตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ย่อมเป็นความผิดซึ่งอาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ติดเชื้อที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรคเป็นผลให้เชื้อโรคแพร่ออกไป อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ด้วย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป.