นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสารทจีนของทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 2 ก.ย.2563 นั้น กรมควบคุมโรคจึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอุบัติเหตุจากการจุดประทัด ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้ 1.ไม่เล่นผาดโผน ไม่ควรจุดใกล้วัตถุไวไฟหรืออาคารบ้านเรือน 2.ผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กนำประทัดมาเล่นเด็ดขาด 3.ควรจุดให้ห่างจากตัวประมาณ 1 ช่วงแขน 4.ห้ามพยายามจุดประทัดที่จุดแล้วไม่ติดหรือไม่ระเบิดอย่างเด็ดขาด 5.ไม่เก็บประทัด ดอกไม้ไฟ ไว้ในกระเป๋าเสื้อ กางเกง หรือที่มีอากาศร้อน เพราะอาจเกิดการเสียดสีและระเบิดได้ 6.ควรเตรียมภาชนะบรรจุน้ำไว้ใกล้บริเวณที่เล่น 7.ห้ามประกอบหรือดัดแปลงประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุไว้เล่นเองเด็ดขาด ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 อย่างเคร่งครัด หากเกิดอุบัติเหตุ ให้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยให้รีบห้ามเลือดและใช้ผ้าสะอาดปิดบาดแผลหรือพันแผลบริเวณเหนือแผลให้แน่น เพื่อป้องกันเลือดออก ไม่ควรใช้เชือกหรือสายรัดเพราะจะทำให้เส้นประสาทหรือหลอดเลือดเสียได้ และขอให้รีบโทร.แจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร.1669

“นอกจากนี้ ยังมีอันตรายที่เกิดจากการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง การจุดธูปเทียน ซึ่งส่วนใหญ่มีส่วนผสมของสารเคมี เมื่อถูกความร้อนในขณะเผาจะก่อให้เกิดไอระเหยของสารพิษ เป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้จุดหรือผู้เผา รวมถึงผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เมื่อสูดหายใจเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจ เช่น ตาแห้ง แสบตา น้ำตาไหล ระคายเคืองจมูก จาม ไอ ระคายคอ หายใจลำบาก และยังทำให้ปวดศีรษะ โดยเฉพาะเด็กจะได้รับผลกระทบมากกว่า ผู้ใหญ่ สำหรับวิธีการป้องกันสารเคมีจากการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง คือควรยืนอยู่เหนือลม เผานอกอาคารที่พักอาศัยและเผาทีละน้อย เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเขม่าเถ้ากระดาษ และไม่ควร เผาขณะที่มีเด็กหรือมีผู้คนเดินผ่านไปมา ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัส ส่วนการป้องกันอันตรายจากธูปเทียน ควรเปิดประตู หน้าต่างทุกครั้ง รวมถึงเปิดพัดลมเพื่อช่วยระบายอากาศหรือควันธูปเทียน หลีกเลี่ยงการใช้ห้องและบริเวณที่มีการจุด และเมื่อธูปเทียนดับแล้วควรทิ้งเวลาสักระยะหนึ่งก่อนเข้าไปใช้อีกครั้ง”นพ.สุวรรณชัยกล่าว.

...