BEM ร่อนหนังสือถึง การทางพิเศษฯ แจ้งผลกระทบหลังโดน “โควิด-19” พ่นพิษ! พ่วงประกาศ “เคอร์ฟิว” ฉุดจราจรบนทางด่วนหดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมขอการชดเชยเยียวยาจากรัฐ

เมื่อวันที่ 17 เม.ย.63 นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและต่อเนื่องในปัจจุบัน ประกอบกับมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล โดยออกคำสั่งห้ามทำกิจกรรมในสถานที่แออัด พร้อมออกคำสั่งห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้ปริมาณจราจรบนทางพิเศษ (ทางด่วน) เฉลิมมหานครและ  ลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ

กรรมการผู้จัดการ บีอีเอ็ม กล่าวต่อว่า ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว วานนี้ (16 เม.ย. 2563) BEM จึงได้ยื่นหนังสือถึงนายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพื่อแจ้งผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยอ้างถึงสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข) ลงวันที่ 20 ก.พ. 2563 โดยนำเสนอปริมาณจราจรและรายได้ค่าผ่านทางทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช ประจำเดือน ก.พ.-มี.ค. 2563 นอกจากนี้ ยังขอให้ กทพ. พิจารณาแนวทางการชดเชยผลกระทบด้วย

...

นางพเยาว์ กล่าวอีกว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติแล้วนั้น BEM จะรายงานผลกระทบจากเหตุสุดวิสัยและเหตุการณ์ที่เป็นข้อยกเว้นที่เกิดขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามสัญญา ข้อ 18.1 และ 18.2 รวมถึงแนวทางการชดเชยผลกระทบต่อไป อย่างไรก็ตาม BEM ได้ตระหนักถึงความจำเป็นของภาครัฐ และความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงโดยเร็ว

ทั้งนี้ BEM ได้รายงานจำนวนรถใช้ทางด่วน เดือนมีนาคมลดลง 25.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เหลือที่ 950,000 คันต่อวัน โดยในไตรมาสแรก คาดว่าจะมีปริมาณรถใช้ทางด่วนลดลง 11.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และ ลดลง 8.8% เมื่อเทียบระหว่างไตรมาส(QoQ) โดยจะเหลือรถใช้บริการทางพิเศษเฉลี่ยอยู่ที่ 1.12 ล้านคันต่อวัน.