ข้าราชการคือหนึ่งในกลไกสำคัญของประเทศ เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนระบบพื้นฐานของรัฐให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นตัวกลางในการติดต่อ เข้าถึงประชาชนด้วยหัวใจแห่งการบริการอย่างไม่ย่อท้อ พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ดังที่ประชาชนสามารถสัมผัสได้ว่าระบบงานราชการมีการปรับปรุงอยู่เสมอเพื่อให้ตอบโจทย์ความพึงพอใจของประชาชนยิ่งๆ ขึ้นไป
ซึ่งเพื่อเป็นการบำรุงขวัญและเป็นกำลังใจแก่ข้าราชการที่ทุ่มเททำงานอย่างอุตสาหะตลอดอายุราชการ พล.ต.หญิง พูลศรี เปาวรัตน์ นายกสมาคมพิทักษ์สิทธิข้าราชการ จึงได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย, ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย, สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย, กลุ่มผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม และกรมบัญชีกลางกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นตัวแทนของเสียงข้าราชการไทยในการยื่นเสนอแนวทางเพื่อพิจารณาถึงการปรับเกณฑ์สวัสดิการในส่วนของการเบิกจ่ายสำหรับผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมเพื่อให้ได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563 ณ สโมสรทหารบก วิภาวดี ตัวแทนจากทุกหน่วยงานดังกล่าวได้ร่วมกันแถลงการยื่นข้อเสนอแก่กรมบัญชีกลาง มีใจความสำคัญกล่าวถึงระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลในปัจจุบันที่มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้โรคบางโรคถูกลิดรอนสิทธิในการได้รับยา รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ซึ่งผู้ป่วยประกันสุขภาพถ้วนหน้าสามารถได้รับเต็มตามกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยไม่ต้องมีส่วนร่วมจ่าย แต่ขณะนี้สิทธิของราชการบางสิทธิได้ถูกตัดทอนไป อาทิ
1. วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ประกอบการทำหัตถการหรือการป้องกันการติดเชื้อ
2. ประเภทยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยและทุกข์ทรมานในโรคบางโรค เช่นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งผู้ป่วยมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาและรับยาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถควบคุมโรคได้
แม้กระทรวงการคลังได้ผ่อนคลายนโยบายการเบิกจ่ายยาในการรักษาโรคไปบ้าง เช่น โรคมะเร็ง แต่กับอีกหลายๆ โรคเช่นกรณีของ “โรคข้อเข่าเสื่อม” กลับยังเป็นปัญหาเนื่องจากการไม่สามารถได้รับยาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถควบคุมอาการของโรคได้ นอกจากนั้นยังนับว่าเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากขึ้นเมื่อต้องไปพบแพทย์บ่อยครั้งทั้งที่สามารถดูแลอาการให้ดีขึ้นได้หากได้รับยาในจำนวนที่เพียงพอในห้วงที่จำเป็น โดยยารักษาโรคข้อเข่าเสื่อมกลุ่ม Glucosamine ยังมีค่าใช้จ่ายลดลงแล้วถึงเกือบ 80% การเพิ่มสิทธิในการเข้าถึงจึงนับได้ว่ามีเหตุผลอันสมควร
ทั้งนี้ทางสมาคมได้ใช้โอกาสดังกล่าวในการกล่าวขอบคุณกรมบัญชีกลางที่ได้มองหาแนวทางปรับปรุงเกณฑ์การเบิกจ่ายและดูแลผู้ป่วยสิทธิข้าราชการอย่างต่อเนื่อง เช่นที่ผ่านมาคือการปรับปรุงแนวทางเบิกจ่ายสำหรับยารักษาโรคมะเร็ง โดยในครั้งนี้ได้หวังว่าหากการยื่นข้อเสนอเป็นไปได้ด้วยดี จะนำไปสู่การเป็นแผนแม่บทสำหรับแนวทางของสวัสดิการอื่นๆ ต่อไป เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของข้าราชการและสังคมไทยที่กำลังก้าวไปสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุในอนาคต