สองปีนี้เมื่อ “ฝุ่นพิษ PM 2.5” พ่นพิษจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประชาชนออกมาด่ารัฐบาล รัฐบาลก็จะออกมาแถลงแบบเพ้อๆ ว่า จะส่งเสริมให้ใช้ “รถยนต์ไฟฟ้า” เพื่อลดมลพิษ พอฝุ่นพิษจางไปตามฤดูกาลรัฐบาลก็เงียบ ปีหน้าฝุ่นพิษมาใหม่รัฐบาลก็ออกมาพูดใหม่ จะลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า จะเพิ่มจุดชาร์จไฟ เลยทำให้ รถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทย ที่รัฐบาลประกาศส่งเสริมมาหลายปี มีอยู่แค่สองพันกว่าคัน เท่านั้นเอง

ข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 มีรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสม 2,854 คัน เป็นรถบัสไฟฟ้า 117 คัน รถยนต์ไฟฟ้าจริงๆ 2,737 คัน จากรถยนต์ที่จดทะเบียนทั่วประเทศกว่า 40.71 ล้านคัน

วันก่อน คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีพลังงาน ก็ออกมาแถลงเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าท่ามกลางฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 เต็มกรุงเทพฯว่า ได้เสนอชื่อ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาแล้ว โดยเสนอให้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นประธาน เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์รถยนต์ไฟฟ้า “โยนงานหิน” ไปให้ ดร.สมคิด อีกแล้ว เพราะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบทั้ง รัฐมนตรีพลังงาน รัฐมนตรีอุตสาหกรรม ต่างก็รู้ดีว่า เป็นงานหินที่ทำไม่สำเร็จในปีสองปีนี้แน่นอน แต่กลับโยนไปให้ ดร.สมคิด และ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบ

ผมมีเรื่องขำๆจากเพื่อนฝูงที่ไปซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า มาลองใช้ วันหนึ่งเขาขับไปเขาใหญ่ในช่วงวีกเอนด์ โดยวางแผนล่วงหน้าว่า ขากลับจะแวะชาร์จไฟที่สถานีชาร์จไฟ ของ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แถวปากช่องช่วงไหนผมก็ลืมไปแล้ว เขากลับวันเสาร์ ปรากฏว่า สถานีชาร์จไฟของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคปิดให้บริการในวันเสาร์และอาทิตย์ ผมไม่ได้ตำหนิการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แต่เป็นเรื่องขำๆของรถยนต์ไฟฟ้าที่นำมาให้รัฐบาลฟัง

...

ความจริง รถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศ หรือ ในเมืองไทย ยังไม่ถึงเวลา เพราะ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เรื่อง “แบตเตอรี่ยุคใหม่” ที่กำลังวิจัยอยู่ คาดว่าอีก 2–3 ปีจึงสำเร็จ

ผมได้คุยกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทรถยนต์หลายค่าย ทุกคนพูดเสียงเดียวกันว่า รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ถึงเวลา แต่ยุคนี้เป็นยุคของ รถยนต์ไฮบริด ที่ผสมกันระหว่างน้ำมันกับแบตเตอรี่ไฟฟ้า บริษัทรถยนต์ทุกค่ายกำลังรอ “แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนรุ่นใหม่” ที่มี เนื้อแบตเตอรี่แบบแข็ง สามารถรีไซเคิลได้ ไม่ใช่ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบเหลว ที่ใช้กันอยู่ในรถยนต์ ไฟฟ้าและไฮบริดในปัจจุบัน

ถ้าไปดูรถยนต์ในงาน มอเตอร์โชว์ มอเตอร์เอ็กซ์โป จะเห็นว่า บริษัทรถยนต์ทุกค่ายเน้นการขาย รถยนต์แบบไฮบริด ส่วน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่นำมาโชว์และขาย เป็นเพียงสีสันของบริษัทเท่านั้น

ไม่มีใครตั้งเป้ากับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ปัญหาในอนาคตยังมีอีกเพียบ โดยเฉพาะ ประเทศไทย ที่เป็นประเทศเจ้าปัญหาในทุกเรื่อง

บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆของโลกอย่าง โตโยต้า มอเตอร์ เมื่อวันจันทร์ก็เพิ่งจะลงนามร่วมทุนกับบริษัทผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ พานาโซนิค จัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Prime Planet Energy and Solution โดยโตโยต้าถือหุ้นใหญ่ร้อยละ 51 เพื่อวิจัยและพัฒนา “แบตเตอรี่ทรงสี่เหลี่ยม” ที่สามารถใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าทุกค่าย บริษัทใหม่นี้จะเริ่มทำงานในวันที่ 1 เมษายนนี้เป็นวันแรก ส่วน พานาโซนิค ปัจจุบันก็ ผลิตแบตเตอรี่ทรงกระบอกให้กับรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา อยู่แล้ว

ยิ่งไปดู ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในครึ่งปีแรก 2562 ใน 41 ประเทศ พบว่า ขายได้เพียง 765,000 คันเท่านั้น จากยอดขายรถยนต์ทั่วโลกกว่า 77.5 ล้านคัน

ผมเอาข้อมูลระดับโลกมาเล่าสู่กันฟัง เพราะ ไม่อยากให้รัฐบาลเสียเงิน เสียเวลาไปทำในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และต้องลงทุนแพงมาก บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ยังไม่ลงทุนเลย แค่รถติดวันละ 3–4 ชั่วโมงในกรุงเทพฯ ไฟฟ้าที่ชาร์จมาทั้งคืนก็ไม่พอใช้แล้ว เอาเงินภาษีและเวลาไปทำในสิ่งที่เป็นจริงได้ในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ดีกว่าครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”