คดีมีผู้เสียหายหญิงสาว 3 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ขอให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายภัควรรธน์ วัฒนานนท์ หรือหนึ่ง อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ข้อหา “ฉ้อโกง” มีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายแต่งงานก่อนหลอกเอาเงินและทรัพย์สินมีค่าของผู้เสียหายจนหมด

ผู้เสียหายรายแรกเล่าว่า นายภัควรรธน์มาตีสนิทตนในเชิงชู้สาวผ่านโปรแกรมหาคู่ของแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก อ้างเป็นนักธุรกิจเจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์สุนัขและช่างภาพอิสระ มีฐานะดี เห็นมีบุคลิกดี ดูน่าเชื่อถือและพูดจาดี เชื่อใจหลงรักคบหาดูใจได้ 3 เดือน ผู้ชายพาแม่มาสู่ขอแต่งงาน แต่พอถึงวันแต่งจริงไม่เตรียมเงินสินสอดมา

อ้างติดปัญหาบางอย่าง

ผู้หญิงต้องออกค่าใช้จ่ายไปก่อน 3 แสนบาท บอกว่าจะโอนเงินคืนให้ภายหลัง ผู้หญิงไม่อยากให้งานแต่งมีปัญหาจึงยอมจ่ายให้ก่อน แต่สุดท้ายไม่มีการคืนเงินให้ และช่วงที่คบกันผู้ชายขอยืมเงินอีก 1.5 แสนบาท อ้างว่าแม่ป่วยต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล หลอกให้ดาวน์รถยนต์กว่า 2 ล้านบาท และรถบิ๊กไบค์อีก 1 คันให้ แต่ให้ออกเป็นชื่อผู้หญิง ไม่ใช่ชื่อนายภัควรรธน์ ค่าผ่อนรถผู้ชายรับผิดชอบเอง แต่ถึงกำหนดจ่ายค่างวดรถ กลับไม่ยอมจ่าย

เมื่อทวงถามนายภัควรรธน์บ่ายเบี่ยงอ้างว่ากำลังรอเงินจากการขายที่ดินมูลค่า 20 ล้าน ที่อยู่ระหว่างการเจรจา โดยนำข้อความสนทนาผ่านแชตเฟซบุ๊กกับคนในครอบครัวที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องซื้อขายที่ดินมาให้ดู พร้อมทำตัวห่างมากขึ้น จนเดือน ส.ค.ขาดหายการติดต่อ หนีหายไปเลย

ปล่อยให้รับภาระหนี้สินคนเดียว

ผู้เสียหายอีกรายถูกนายภัควรรธน์หลอกลวงเอาเงินในลักษณะเดียวกัน อ้างเป็นช่างภาพอิสระ และเป็นเจ้าของบริษัทออร์กาไนซ์ เพิ่งเลิกกับภรรยาเก่า ต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เห็นว่าเป็นคนบุคลิกดี มีรถยนต์ บ้าน ดูมั่นคง พูดจาเอาใจเก่ง เริ่มหลงรักและคบหากัน ไม่นานนายภัควรรธน์ให้แม่มาสู่ขอแต่งงานเหมือนคนแรก

...

ต่อมานายภัควรรธน์ขอยืมแหวนทองไปขาย อ้างว่าจะใช้เคลียร์ปัญหากับภรรยาเก่า หากแบ่งทรัพย์สินกับภรรยาเก่าได้แล้วจะนำมาคืนให้ ก่อนหนีหายไป เหยื่อคนสุดท้ายตีสนิทผ่านเฟซบุ๊กอ้างเป็นนักธุรกิจเจ้าของออร์กาไนเซอร์ และเป็นช่างภาพอิสระ รับค่าจ้างจากค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นกว่า 10 ล้านบาทต่อปี

รู้จักสนิทสนมกับคนมีชื่อเสียงมากมาย ทั้งในแวดวงการเมือง และอ้างเป็นเซียนพระระดับประเทศ และถูกหลอกนำพระเครื่องมูลค่าราคาสูงไปขาย ได้มีการยักยอกพระเครื่องหลายองค์ และกรอบพระทองคำ

สุดท้ายรวมตัวกันมาแจ้งความที่กองปราบปราม ต้องการให้ตำรวจช่วยเร่งติดตามจับกุมตัว เพราะเกรงว่าหากยังคงปล่อยไว้ นายภัควรรธน์ อาจจะไปก่อเหตุหลอกลวงหญิงสาวรายอื่นอีก

เนื่องจากพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นภัยสังคม.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th