“ขอมาเป็นส่วนหนึ่งของกำลังพลของตำรวจภูธรภาค 2 ที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ดูแลทุกข์สุขให้พี่น้องประชาชนทั้ง 8 จังหวัด รวมถึงประสานทุกหน่วยงานที่อยู่ในภูมิภาคนี้ ทำให้งานของรัฐบาล งานของชาติ งานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติราบรื่นด้วยดี” เป็นคำกล่าวของ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 หรือ “บิ๊กยิ้ม” แสดงถึงความเป็นกันเองกับเพื่อนตำรวจ เป็นนายที่อยากจะทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ลูกน้องและตั้งใจจริงที่จะเข้ามาดูแลตำรวจภูธรภาค 2 พื้นที่ชายทะเลฝั่งตะวันออก
พล.ต.ท.มนตรี เป็นตำรวจสายบุญ นรต.รุ่น 38 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และ พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท.
รับราชการครั้งแรกเป็น รอง สวส. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เป็น หน.งานจราจร สภ.เมืองจันทบุรีในพื้นที่ ภ.2 ก่อนเติบโตสายกองปราบกว่า 10 ปี ขยับเป็น ผบก.ภ.จ.ลพบุรี ผบก.น.8 รอง ผบช.น.และจเรตำรวจ ก่อนโยกมาคุมพื้นที่หลักเป็น ผบช.ภ.2
ผ่านคดีดังๆ เช่น คดีจ้างวานฆ่าผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เมื่อปี พ.ศ.2544 คดีจ้างวานฆ่าอดีตรัฐมนตรี คดีฆ่านักข่าว นสพ.ข่าวสด คดีทุจริต ทั้งทุจริตยางพารา ทุจริตลำไย ทุจริตข้าว รวมถึงมารับผิดชอบคดี “ค้ามนุษย์ข้ามชาติ” ที่ผู้หญิงไทยตกเป็นเหยื่อในหลายประเทศ
...
พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 เปิดแนวนโยบายทำงานว่า “ก่อนที่จะดำเนินการอะไรก็ตาม จะศึกษาข้อมูลทุกด้านอย่างละเอียดรอบคอบก่อนจึงจัดการกับสิ่งนั้นเพื่อที่จะสามารถควบคุม จัดการและบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทำการศึกษาข้อมูล 7 มิติด้วยกัน มิติที่ 1 ศึกษาด้านพื้นที่รับผิดชอบ มิติที่ 2 ศึกษาด้านประชาชนในพื้นที่ มิติที่ 3 วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมในพื้นที่ มิติที่ 4 นโยบายรัฐบาล และแนวทางการทำงานของ ตร. มิติที่ 5 ตำรวจในสังกัด มิติที่ 6 ข้อมูลหน่วยราชการ และการเมืองในพื้นที่ มิติที่ 7 ข้อมูลด้านปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่”
“เหมือนคำโบราณที่ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” จากข้อมูลที่ได้ศึกษาทุกมิติรวมกันในพื้นที่ 8 จังหวัด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ตราด ระยอง สระแก้ว มีหลากหลายในรูปแบบพื้นที่มากเช่น แหล่งท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม เกษตร สังคมเมือง สังคมชนบท แหล่งเสื่อมโทรม พื้นที่ธรรมชาติ เซฟตี้โซน พื้นที่เศรษฐกิจการค้า เรียกได้ว่ามีทุกอย่าง หลากหลายอาชญากรรมในพื้นที่ เช่น พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม แหล่งท่องเที่ยว จะมีปัญหาในเรื่องอาชญากรรมเกี่ยวกับชีวิตทรัพย์สิน อาชญากรรมพิเศษและความผิดเกี่ยวกับรัฐ ขณะที่สังคมเกษตรกรรมมีปัญหาด้านความเป็นอยู่ ความยากจนมากกว่าช่วงหลังมีหลอกลวงในพื้นที่ชนบทมากขึ้น”
“พื้นที่ชายฝั่งมีปัญหาคดีเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว กลุ่มวัยรุ่น บางจุดมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของปัญหายาเสพติดและการรวมกลุ่มของชนชาติต่างๆเป็นหย่อมๆ รวมทั้งปัญหากลุ่มแก๊งต่างชาติที่มากบดานในประเทศไทย” เป็นข้อมูลที่ ผบช.ภ.2 ศึกษามาค่อนข้างจะดีก่อนนำมาปรับเป็นนโยบายเข้าพื้นที่
พล.ต.ท.มนตรีบอกว่า “จะให้ความสำคัญกับการบูรณาการทำงานกับทุกหน่วยข้างเคียงและการเมืองในพื้นที่ ถือเป็นจุดแข็งเลยก็ว่าได้ เพราะหน่วยราชการและการเมืองในพื้นที่มีความร่วมมือร่วมแรงกันทำงานเป็นแบบบูรณาการร่วมกัน ผวจ.เป็นพ่อเมือง มี ผบก.จ.ยืนเคียงข้าง นายอำเภอมีนโยบายบริหารอำเภออย่างไร หัวหน้าสถานีตำรวจจะนำมาปฏิบัติเป็นนโยบายหน่วย ในด้านมิติตำรวจในสังกัดจะเห็นได้ว่าตำรวจภาค 2 มีตำรวจที่เก่ง หลากหลายเป็นตามความถนัดและประสบการณ์ การใช้งานต้องใช้คนให้ถูกกับงาน หลายภารกิจจะบูรณาการการทำงานเป็นทีม มุ่งหมายเพื่อความสำเร็จของหน่วยงานเป็นหลัก”
“ปัจจุบันเน้นยกระดับให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจ ถือเป็นนโยบายสำคัญ จะต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด พูดง่ายๆคือมีสิ่งที่ต้องทำ 2 อย่าง เรื่องแรก ฮาร์ดแวร์ เปรียบได้กับตัวสถานที่ทำการ ตู้ยาม ต้องพร้อมในทุกด้าน ห้อง One Stop Service ห้องน้ำสะอาด สิ่งบริการประชาชนบนสถานีตำรวจ ตู้ยาม เรื่องที่สอง ซอฟต์แวร์ เปรียบได้กับตัวตำรวจที่ให้บริการทั้งบนสถานีตำรวจและนอกสถานีตำรวจ ทุกหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นงานป้องกันปราบปราม งานสืบสวน งานจราจร งานสอบสวน งานบริการอื่นๆ การแต่งกาย ทรงผม การพูดจา วาจาสุภาพ และจิตบริการพร้อมช่วยเหลือ กระตือรือร้นทำงาน ตำรวจต้องพร้อม กำลังคิดเรื่องประเมินการให้บริการประชาชน นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการประเมินผลยกระดับการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจให้เห็นเป็นรูปธรรม วัดความสำเร็จในการให้บริการประชาชน” เป็นสิ่งที่ ผบช.ภ.2 ต้องการจากตำรวจคือให้บริการประชาชน เพราะจุดแตกหักคือสถานีตำรวจ
...
“ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่เรื้อรังในสังคมมานาน อัตราแพร่ระบาดรุนแรงเพิ่มขึ้น พื้นที่ที่ต้องระมัดระวังปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด จะเป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม แหล่งเสื่อมโทรม ตำรวจภาค 2 มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นระบบ เน้นบูรณาการหน่วยราชการทุกภาคส่วน การทำงานอย่างโดดเดี่ยวมันไม่มีทางที่จะสำเร็จได้เลย การร่วมมือสร้างเครือข่ายป้องกันอาชญากรรม ยาเสพติดในชุมชน แสวงหาความร่วมมือทั้งจากชุมชน ท้องถิ่น หน่วยราชการข้างเคียง ฝ่ายทหาร อาสาสมัคร ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปคือสิ่งสำคัญ การกำหนดบทบาทหน้าที่ให้กับผู้นำชุมชน การสร้างวัฒนธรรมป้องกันยาเสพติดในชุมชนจะเป็นเกราะในการป้องกันชุมชนให้ปลอดจากปัญหายาเสพติดได้ ต้องให้ความรู้ความเข้าใจให้เด็กเยาวชนในชุมชน โดยเริ่มจากตำรวจสู่ชุมชน ขยายไปยังสังคม เป็นการสร้างเครือข่ายป้องกันยาเสพติด” อีกนโยบายสำคัญป้องกันปราบปรามยาเสพติด
พล.ต.ท.มนตรีให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของตำรวจย้ำว่า “การทำงานในการควบคุมปัญหาอาชญากรรมต้องสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและ ตร.ด้วย นโยบายหลายนโยบายมีความสำคัญ เช่น การค้ามนุษย์ การค้าประเวณีเด็ก การใช้แรงงานประมงผิดกฎหมาย ปัญหาผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง ปัญหายาเสพติด การละเมิดทรัพย์สินทางปัญหา ปัญหาการแข่งรถ ในทาง ปัญหานักเรียนตีกัน แหล่งอบายมุขและสถานบริการผิดกฎหมาย เป็นนโยบายที่ต้องให้ความสำคัญทั้งนั้น จะเห็นได้ว่าตำรวจมีภารกิจอย่างมากมาย จนเรียกได้ว่าเป็น “ซุปเปอร์แมนก็ว่าได้ แต่ซุปเปอร์แมนก็มีวันเหนื่อย”
...
“ในฐานะ ผบช. ภ. 2 จะให้ความสำคัญกับเรื่องการเสริมสร้างความสามัคคี สร้างขวัญ กำลังใจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจและครอบครัวเป็นสำคัญ เป็นการเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจให้กับตำรวจเพื่อพร้อมที่จะรับใช้ประชาชนในสังคม แต่การที่งานจะเกิดความสำเร็จอย่างนั้นได้นั่นคือ หลังบ้านของตำรวจต้องพร้อม ลูกเมียไม่เดือดร้อน มีความสุข หมายถึงการอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีมีเกียรติในสังคม เมื่อมีหน้าที่ที่ต้องดูแลประชาชนก็พร้อมที่จะทำงาน”
เป็นกรอบนโยบายของ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 ที่ผ่านงานมาโชกโชน เข้าใจพื้นที่ เข้าใจประชาชน ที่สำคัญเป็นนายที่เข้าใจชีวิตการทำงาน และความเป็นอยู่ตำรวจมากคนหนึ่ง
กับวิสัยทัศน์ที่ว่า “มุ่งมั่นในหน้าที่ มีความรับผิดชอบ เพื่อความผาสุกของประชาชน”.
ทีมข่าวอาชญากรรม