หลังทราบข่าวศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ “ไม่รับคำร้อง” ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามที่กำหนด ในรัฐธรรมนูญ
“แม่ลูกจันทร์” เกิดอาการ อึ้งกิมกี่ไป 5 นาที
เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณาคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดินจะไม่มีองค์กรไหนในประเทศไทยสามารถรับประเด็นนี้ไปพิจารณา
ผลดีคือ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปอย่างสะดวกโยธิน
แต่ผลเสียคือ กรณีนายกรัฐมนตรี ถวายสัตย์ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นประเด็นค้างลำกล้องตลาดกาล
จะกลายเป็นรอยตำหนิติดตัวนายกฯลุงตู่ต่อไปอีก 10 ปี 20 ปี
เอาละ...ขออนุญาตฉีกประเด็นเป็นปัญหาชาวบ้านให้อ่านกันแก้เซ็ง
“แม่ลูกจันทร์” อ่านข่าวเศรษฐกิจไทยรัฐ ฉบับวานซืน แล้วก็เกิดอาการขากรรไกรค้างไป 3 นาที
กรณีกระทรวงพาณิชย์เปิดให้ประชาชนตรวจสอบราคายาสามัญประจำบ้าน 20 รายการผ่านเว็บไซต์กรมการค้าภายใน
ปรากฏว่า ราคายาที่จำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป กับราคายาที่โรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บจากคนไข้ แตกต่างกันหลายเท่าตัว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...ยาบางตัวโดนโขกแพงเกิน 1,000 เปอร์เซ็นต์
ตัวอย่างเช่น ยาพาราเซตามอล แก้ปวดลดไข้ “ยี่ห้อซาร่า” ถ้าซื้อปลีกตามร้านขายยา ราคาอยู่ที่เม็ดละ 1 บาท 30 สตางค์
แต่ รพ.เอกชนบางแห่ง บวกราคาเป็นเม็ดละ 12 บาท แพงอร่อยเหาะกว่า 900 เปอร์เซ็นต์
ยาไทลีนอล ซื้อจากร้านขายยาเม็ดละ 1 บาท 30 สตางค์ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง (ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม) คิดราคาเม็ดละ 22 บาท แพงกว่าร้านขายยา 1,500 เปอร์เซ็นต์
ยาแก้ปวดประจำเดือน “ยี่ห้อพอนสแตน” ซื้อจากร้านขายยาเม็ดละ 5 บาท 50 สตางค์ แต่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ขายคนไข้เม็ดละ 31 บาท ฟันกำไรเหนาะๆ 500 เปอร์เซ็นต์
...
ยาแก้โรคภูมิแพ้ บรรเทาอาการจมูกตัน “ยี่ห้อเทลฟาสต์” ซื้อจากร้านขายยาเม็ดละ 10 บาท
โรงพยาบาลเอกชนชื่อเสียงโด่งดังคิดราคากันเองเม็ดละ 58 บาท
แพงกว่าราคาท้องตลาด 500 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ
“แม่ลูกจันทร์” กระชุ่นปัญหาราคายาแพง ไม่มีเจตนาโจมตีโรงพยาบาลเอกชนแบบไม่ลืมหูลืมตา
ทราบดี และเข้าใจดีว่าโรงพยาบาลเอกชนจำเป็นต้องบวกราคายาคนไข้แพงกว่าร้านขายยาทั่วไป
เพราะโรงพยาบาลเอกชน เป็นธุรกิจหวังผลกำไร เป็นบริการทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ประสงค์ใช้สิทธิ์รักษาฟรี
ข้อสำคัญ โรงพยาบาลเอกชนต้องลงทุนมหาศาล ต้องแบกภาระจ่ายค่าแพทย์พยาบาลและบุคลากรมากมาย ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ราคาแพง ต้องจ่ายค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าแอร์ อีกบานตะเกียง
และได้แจ้งอัตราค่าบริการให้ผู้ป่วยทราบล่วงหน้าอย่างชัดเจน
เพียงแต่ “แม่ลูกจันทร์” ใคร่ขอร้องท่านผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนกรุณาลดเพดานราคายาให้แพงพอเหมาะพอควร
เพราะผู้ป่วยที่รักษาโรงพยาบาลเอกชนไม่ได้ร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้เหมือนกันทุกคน
ถ้าโรงพยาบาลเอกชนคิดราคายาแพงกว่าร้านขายยาเราไม่ว่ากัน
แต่ถ้าแพงกว่าราคาตลาดเกิน 300 เปอร์เซ็นต์ ก็โหดเกินไป
ไม่ได้ขอเยอะ...ขอแค่นี้เอง.
“แม่ลูกจันทร์”