ขึ้นภาษียาสูบแทบไม่มีผลต่อการเลิกบุหรี่ ตรงกันข้ามผู้สูบกลับหันไปที่ตัวเลือกอื่นแทน โดยเฉพาะยาเส้น...จากเดิมนักสูบไทย 11 ล้านคน มีครึ่งหนึ่งสูบยาเส้น โดยเฉพาะในสังคมชนบท

แต่ช่วงหลังการขึ้นภาษีบุหรี่ถี่ สถิติกรมสรรพสามิต...ตลาดบุหรี่หดตัวกว่า 16% สวนทางกับยาเส้นโตวันโตคืนกว่า 117%

เพราะยาเส้นถูกกว่า แค่ซองละไม่เกิน 12 บาท (บรรจุ 30 กรัม) แต่บุหรี่ราคาถูกสุด 60 บาท

จะด้วยต้องการลดช่องว่างภาษีระหว่างบุหรี่กับยาเส้น หรือหาเงิน การขึ้นภาษียาเส้นเมื่อ พ.ค.ที่ผ่านมา ปรับขึ้นจาก 0.005 บาทต่อกรัมเป็น 0.1 บาทต่อกรัม

เพิ่มขึ้น 20 เท่า ทำให้ยาเส้นต้องปรับราคาขึ้นอีกซองละ 3 บาท เป็นราคา 15 บาท

ว่ากันตามจริงแล้ว การขึ้นภาษีไม่กระทบต่อชาวไร่ยาเส้นด้วยซ้ำ เพราะเกษตรกรผู้ปลูกได้รับการงดเว้นภาษี ไม่ต้องขอโควตาเหมือนยาสูบ เพียงแต่ต้องมาขึ้นทะเบียนผู้ปลูกเท่านั้น

แต่คนที่เดือดร้อน คือ โรงงานผลิตยาเส้นสำเร็จรูป 20-30 ราย ที่ส่วนมากล้วนแล้วแต่ต้องซื้ออากรแสตมป์สำหรับขายยาเส้นจากการยาสูบฯไปตุนกันไว้ล่วงหน้ากันล้านดวง เพราะยาเส้นเกษตรกรขายตรงผ่านโรงงานผลิต เมื่อติดแสตมป์แล้วสามารถขายในท้องถิ่นได้เลย ส่วนยาสูบต้องขายใบยาให้การยาสูบฯ

เดิมอากรแสตมป์ราคาถูกมากแค่ซองละ 15 สตางค์ แต่เมื่อปรับภาษีทำให้ราคาเพิ่มเป็นซองละเกือบ 3 บาท เท่ากับว่าต้องแบกรับภาระการซื้อแสตมป์เพิ่ม

สุดท้ายมาบี้เอากับเกษตรกร ปฏิเสธการรับซื้อไปแล้วกว่า 1 แสน กก. เพื่อบีบให้เกษตรกรผู้ปลูกยาเส้นต้องออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการขึ้นภาษี

ยังดี สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ออกมารับปากพิจารณาการขึ้นภาษีทั้งยาสูบยาเส้น แต่อย่าเพิ่งดีใจไป...เพราะรับปากพิจารณา ไม่ใช่รับปากจะไม่ขึ้นภาษี

จะแค่รับปากส่งๆ เอาตัวรอดไปวันๆ ซื้อเวลาไปเรื่อยหรือเปล่าต้องจับตาดูกันยาวๆ.

...

สะ-เล-เต