เรื่องของปุ๋ยอินทรีย์-เคมี ไม่ต่างสงครามฝ่ายดำฝ่ายขาว โดยลืมไปว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้มีสองด้านเสมอ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่คู่กันตลอดเวลา

งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทุกสำนักทั้งไทยเทศ ล้วนออกมาตรงกัน การปลูกพืชต้องใช้ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกัน ให้เหมาะกับดินแต่ละแห่งและพืชแต่ละชนิด ถึงจะได้ผลดีที่สุด

จะส่งผลดีทั้งในด้านราคาต้นทุนต่อกิโลกรัม คุณภาพผลผลิต การสะสมไนเตรตในผลผลิต การชะล้างไนเตรตสู่แหล่งน้ำ และการเกิดก๊าซที่ทำให้โลกร้อน

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.อำนาจ สุวรรณฤทธิ์ ภาควิชาปฐพี วิทยา คณะเกษตรฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขยายความเพิ่มเติมถึงความไม่แน่นอนตาม วัฏสงสาร...พืชชนิดเดียวกัน ดินบางแห่งใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้ผลดีกว่าเคมี บางแห่งเคมีดีกว่า และบางแห่งใช้ร่วมกันทั้งสองชนิดดีกว่าชนิดเดียว

ดินมีธาตุอาหารมากอยู่แล้วโดยธรรมชาติ หรือใส่ปุ๋ยเคมีติดต่อกันมานาน ธาตุอาหารบางตัวสะสมมากเกินไป แต่ดินแน่นทึบอาจเป็นเพราะดินมีอินทรียวัตถุน้อย ดินมีเนื้อดินละเอียดเกินไป (เป็นดินเหนียวมาก) หรือดินถูกอัดแน่น ดินประเภทนี้การใช้ปุ๋ยอินทรีย์จะได้ผลดีกว่าเคมี

แต่ถ้าดินโปร่งไม่แน่นทึบ มีอินทรียวัตถุพอสมควรแล้ว แต่มีธาตุอาหารบางตัวน้อย การใช้เคมีก็จะดีกว่า

ส่วนดินที่ไม่เหมาะสมต่อพืช มีธาตุอาหารน้อย ดินแน่นทึบ หรือพบทั้งปัญหาดินโปร่ง และดินแข็ง สภาพนี้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ประสานเคมี ดีที่สุด

เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว เราจะมัวมาทะเลาะกันตะพึดตะพือไปด้วยเหตุใด เพราะเคมีก็ไม่ได้ดีที่สุด อินทรีย์ก็ไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้ายเสมอไป

จะมาอ้างเมื่อก่อนก็ไม่เห็นใช้ปุ๋ยเคมีทำไมยังปลูกได้ ต้นไม้ในป่าไม่เห็นต้องพึ่งเคมีเลย...ขอบอกว่า นั่นมันกี่ร้อยปีมาแล้ว สภาพธรรมชาติพังเพราะน้ำมือมนุษย์มาเท่าไรแล้ว ที่สำคัญเราพัฒนาสู่เกษตรอุตสาหกรรมเพื่อแข่งขันในตลาดโลก ไม่ได้ปลูกไว้แค่กินเองเช่นในอดีต.

...

สะ–เล–เต