นายยงยุทธ พฤกษ์มหาดำรง รองกรรมการผู้จัดการดูแลธุรกิจข้าวภายในประเทศ บริษัท ซี.พี.ข้าวตราฉัตร เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันเทรนด์การบริโภคมีการเปลี่ยนแปลง จากข้อมูลการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่า กลุ่มคนรักสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น มีการเลือกซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ข้าวตราฉัตรจึงร่วมกับกรมการข้าว สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จ.พิษณุโลก และกรมการค้าภายใน เดินหน้าโครงการส่งเสริมปลูกข้าว กข 43 เกษตรกรในเขตพื้นที่ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งในพื้นที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก รวมพื้นที่ 50,000 ไร่

...

“ผลผลิตบริษัทฯ รับซื้อจากเกษตรกรสมาชิกในโครงการฯทั้งหมด ในราคาประกันขั้นต่ำ 12,000 บาทต่อตัน ณ ความชื้นที่ 15% เพื่อนำมาสีเป็นข้าวสารภายใต้แบรนด์ ข้าวตราฉัตรไลท์ หลังนำมาหุงให้สุก เมล็ดข้าวนุ่ม กลิ่นหอม น้ำตาลน้อยลง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้าวทุกถุงผู้บริโภคสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอนการผลิต จึงมั่นใจได้ว่ารับประทานข้าวที่มีคุณภาพได้มาตรฐานอย่างแน่นอน”

นางวันดี เกตุทอง ตัวแทนเกษตรกรสมาชิก อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เผยว่า เมื่อก่อนชาวบ้านจะปลูกข้าวขาวพันธุ์พิษณุโลก 2 ได้ราคาตันละ 5,000-6,000 บาท หักต้นทุนแล้ว บางปีแทบไม่เหลือกำไร กระทั่งสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม ชวนเข้าร่วมโครงการปลูกข้าว กข 43 กับ ซี.พี.ตราฉัตร เพราะต้องการหนีตลาดข้าวขาวซึ่งปลูกกันมาก และมองว่ามีตลาดรองรับผลผลิตราคารับซื้อแน่นอน ทำให้เราคาดการณ์ได้ว่า แต่ละฤดูจะมีรายได้จากการขายข้าวมากน้อยแค่ไหน จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการปลูกข้าว GAP โดย ซี.พี.จะนำเมล็ดพันธุ์ข้าวจากศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครสวรรค์มาให้ ขณะที่ปลูกมีการลงแปลงและจดบันทึกอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ข้าวที่เก็บเกี่ยวได้มาตรฐาน ไม่มีข้าวดีด ข้าวเด้ง ขายได้ราคาประกันซึ่งดีกว่าข้าวขาวทั่วไป.